Master K EP.5 1 ปีเต็มกับการทดลองในบ่อเหมือง C ของมาสเตอร์ K จะเผยให้เห็นอะไรบ้าง?

1 ปีเต็มกับการทดลองในบ่อเหมือง C ของมาสเตอร์ K จะเผยให้เห็นอะไรบ้าง? 🤔 จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อปลูกพืช 🌾และเลี้ยงปลา🐟โดยใช้น้ำจากบ่อเหมืองนี้? ตามไปหาคำตอบด้วยกันในคลิปนี้เลย! 💙💛

อัครายืนยันบ่อกักเก็บกากแร่ไม่รั่ว การดำเนินงานเป็นไปตามมาตรฐานสากล พร้อมแสดงหลักฐานยืนยันความปลอดภัย

ตามที่มีการรายงานข่าวศาลปกครองกลาง (“ศาล”) เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า ได้มีคำพิพากษายกฟ้องกรณีที่บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (“กพร.”) ที่สั่งให้บริษัทดำเนินการแก้ปัญหาการรั่วซึมของบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 และแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในบริเวณพื้นที่โครงการให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (“คำสั่ง”) นั้น บริษัทขอชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องของทุกฝ่าย ดังนี้

  • คำวินิจฉัยดังกล่าวเกิดจากการที่บริษัทได้ฟ้องร้องเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของ กพร. เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2561 ที่ให้บริษัทดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ไม่มีความชัดเจน ไม่มีรายละเอียดที่สามารถปฎิบัติได้ โดยคำสั่งได้อ้างผลการประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหา ข้อขัดแย้ง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรีของบริษัท ที่มีมติโดยอาศัยข้อมูลจากรายงานการศึกษาที่มีกรรมการให้ความเห็นชอบ 7 คน และไม่เห็นชอบ 6 คน งดออกเสียงมากกว่า 10 คน จากจำนวนกรรมการทั้งหมดที่ไม่ทราบแน่ชัด เนื่องจากไม่มีการนับองค์ประชุม ถือได้ว่ามติดังกล่าวไม่เป็นเอกฉันท์ และมีผู้ออกเสียงไม่ถึงครึ่งของจำนวนกรรมการที่มีอยู่ในคณะ ประการสำคัญ คณะกรรมการชุดดังกล่าวยังไม่ได้ให้การรับรองรายงานการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังมีข้อที่น่าสังเกตว่า ยังมีความเห็นแย้งของนักวิชาการที่ประกอบเป็นคณะทำงานย่อยผู้เชี่ยวชาญฯ ที่เสนอเรื่องขึ้นมา แสดงไว้เป็นลายลักษณ์อักษรที่ปกรองของรายงานว่า “อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อคิดเห็นของคณะทำงานย่อยผู้เชี่ยวชาญฯ บางท่านที่มีความเห็นแตกต่างจากรายงานฉบับสมบูรณ์ ซึ่งสามารถพิจารณารายละเอียดข้อคิดเห็นของผู้ที่มีความเห็นแตกต่างดังกล่าวในภาคผนวกของรายงานฉบับสมบูรณ์” อันแสดงให้เห็นว่า แม้แต่คณะทำงานย่อยผู้เชี่ยวชาญฯ ที่กำกับดูแลการจัดทำรายงานนี้ ก็ยังไม่สามารถสรุปสาระสำคัญของรายงานได้
  • อย่างไรก็ดี ในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งบริษัท และ กพร. ได้มีความพยายามหาทางออกในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการประกอบการตามแนวทางของรัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งมีการร่วมกันแก้ไขปัญหาที่ดำรงอยู่ โดยมีการปฎิบัติตาม พ.ร.บ. แร่ 2560 และกรอบนโยบายบริหารจัดการแร่ทองคำ พ.ศ. 2560 เช่น การจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน การจัดทำแนวพื้นที่กันชนการทำเหมือง การจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงและกองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจว่าการประกอบการของบริษัทเป็นไปตามมาตรฐานสากล และไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดทำแผนการปิดบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 และแผนการฟื้นฟูบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 ซึ่งเป็นข้อสั่งการของ กพร. เพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรมตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ตามหนังสือ ที่ อก 0512/4801 ลงวันที่ 14 กันยายน 2560 ให้ กพร. พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว และบริษัทดำเนินงานตามแผนเหล่านี้ต่อเนื่อง โดยมีการติดตามตรวจสอบ ตรวจวัด อย่างเข้มงวดเป็นรายไตรมาสจากคณะเจ้าหน้าที่ซึ่งประกอบด้วย กพร. สำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เขต 5 พิษณุโลก สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตรและเพชรบูรณ์ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 4 นครสวรรค์ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบูรณ์และพิจิตร รวมทั้งผู้แทนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอีกจำนวนหนึ่ง จนบริษัทได้รับอนุญาตต่ออายุประทานบัตร และใบอนุญาตประกอบโลหกรรมในปี พ.ศ. 2564 และ 2565 ตามลำดับ
  • สำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 นั้น บริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้จัดทำโครงการ “ตรวจสอบเสถียรภาพและโอกาสการรั่วซึมของบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1” เพื่อให้เกิดความชัดเจนและมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือและเป็นระบบ โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งการดำเนินการศึกษาเป็นไปตามแผนงานที่เสนอ และได้รับความเห็นชอบในที่ประชุมที่มีผู้บริหารของ กพร. และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 ผลการศึกษาของโครงการดังกล่าวมีข้อสรุปรายงานลงวันที่ 13 กันยายน 2567 ว่า บ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 ของบริษัทไม่ได้รั่วซึมแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทได้ส่งรายงานฉบับดังกล่าวให้ กพร. แล้ว เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567
  • นอกจากนี้ ภายหลังได้กลับมาประกอบกิจการเมื่อเดือนมีนาคม 2566 บริษัทได้ดำเนินการทุกอย่างภายใต้การกำกับดูแลและตรวจสอบจากหน่วยงานราชการที่มีอำนาจหน้าที่อยู่เสมอ รวมทั้งจัดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปีให้แก่พนักงานและประชาชนรอบเหมืองในรัศมี 5 กิโลเมตร ซึ่งผลการตรวจโลหิตและปัสสาวะจากห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลรามาธิบดี ไม่พบสิ่งผิดปกติอันบ่งชี้ถึงการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมและการดำรงชีวิตประจำวัน
  • บริษัทยังมีรายงานการตรวจสอบมาตรฐานการดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี โดยบริษัทที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เป็นผู้คัดเลือก คือ แบร์ โดแบร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด (Behre Dolbear International Limited) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบและประเมินการปฏิบัติงานของเหมืองทองทั่วโลกยาวนานกว่า 100 ปี มาสอบทานการดำเนินงานของบริษัทอย่างละเอียดทุกขั้นตอน โดยผลการประเมินพบว่า มีความปลอดภัย เป็นไปตามมาตรฐานสากล และมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในทุกขั้นตอนทำให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม เทียบเท่าเหมืองแร่ชั้นนำทั่วโลก และไม่พบการรั่วไหลของโลหะหนักจากบ่อกักเก็บกากแร่สู่ชุมชนแต่อย่างใด
  • นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ หัวหน้าผู้จัดการทั่วไปของบริษัท กล่าวว่า ประเด็นที่เป็นข้อพิพาทนั้นเป็นเรื่องที่เกิดมาก่อนหน้านี้หลายปี แต่เพิ่งมีคำสั่งของศาลปกครองออกมา ในขณะที่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมามีความพยายามจากทั้งสองฝ่ายในการแก้ไขปัญหาด้วยดี บริษัทได้ปฏิบัติตามคำสั่งและคำแนะนำต่างๆ อย่างเคร่งครัด ในส่วนของคดีความนั้น ขณะนี้ ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและฝ่ายกฎหมายของบริษัทกำลังพิจารณาแง่มุมต่างๆ เพื่อหาข้อสรุปทั้งในเชิงข้อกฎหมาย และในเชิงเทคนิควิชาการในรายงานที่คำสั่งของ กพร. อ้างถึง อีกทั้งบริษัทยังมีรายงานการศึกษาจากหน่วยงานกลางที่ กพร. ให้ความเห็นชอบข้อเสนอโครงการยืนยันผลว่า บ่อกักเก็บเก็บกากแร่ของบริษัทไม่มีการรั่วซึมแต่อย่างใด นอกจากนั้น ยังมีข้อมูลภายในของบริษัทที่ได้เก็บรวบรวมจากการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของ กพร. และหน่วยงานกำกับดูแลเสมอมา ขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การดำเนินงานของบริษัทมีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ซึ่งพนักงานและครอบครัว รวมถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทราบดี และให้การสนับสนุนบริษัทด้วยดีเสมอมา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ คุณนฤอร เกลาเทียน 08-9522-6169 ฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ. อัครา รีซอร์สเซส

เจาะลึกเรื่องทองคำบริสุทธิ์และทองเค จากสายแร่สู่เครื่องประดับ

ไขความลับ ประกายแห่งความล้ำค่ากับ “ทองคำ” โลหะจากธรรมชาติที่ทรงคุณค่าและเป็นที่ปรารถนาของผู้คนทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นทั้งทางวิทยาศาสตร์และความงดงามเปล่งประกายเหนือกาลเวลา จึงไม่น่าแปลกใจที่ทองคำจะกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งและเป็นที่ต้องการในทุกมุมโลก ยิ่งใกล้วันปีใหม่แบบนี้หลายคนอาจกำลังมองหาของขวัญล้ำค่าเพื่อมอบให้กับคนพิเศษ แน่นอนว่าทองคำเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเสมอ 

หากแต่ท่ามกลางกระแสข่าว “ทองคำแท้ ทองคำปลอม” เมื่อไม่นานมานี้ได้สร้างความกังวลใจให้กับประชาชนที่สนใจลงทุนกับทองคำด้วยวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ไม่น้อย เหมืองทองอัคราผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจึงขออาสาพาทุกคนมาเจาะลึกเรื่องทองคำ เพื่อสร้างความเข้าใจและเสริมความมั่นใจในการเลือกซื้อทองคำเป็นของขวัญต้อนรับปีใหม่และเทศกาลวันสำคัญต่าง ๆ ตั้งแต่แหล่งกำเนิด กระบวนการสกัด ความแตกต่างระหว่างทองคำบริสุทธิ์ ทองเค และทองปลอม รวมถึงความมุ่งมั่นของเราในการผลิตทองคำคุณภาพระดับโลกส่งสินค้าไทยสู่สายตาชาวโลกทองคำ เหมืองทอง

ทองคำ… กำเนิดแห่งความล้ำค่า

ทองคำ เป็นแร่ชนิดหนึ่งที่เกิดจากกระบวนการทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อน โดยมักพบในสายแร่ควอตซ์ หินแกรนิต และแหล่งลานแร่ ลักษณะเด่นของทองคำ คือ มีสีเหลืองทองอร่าม มีความอ่อนตัว สามารถดัดแปลงรูปทรงได้ง่าย ทนทานต่อการกัดกร่อนและไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีส่วนใหญ่ ซึ่งไม่เพียงแค่ความโดดเด่นทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ทองคำยังมีบทบาทสำคัญในหลากหลายอารยธรรม หนึ่งในนั้นคือ เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและความมีอำนาจในสังคมไทย หรือแม้แต่ทั่วโลกเองก็ตาม 

โดยครั้งหนึ่งทองคำเคยถูกใช้เป็น ‘ระบบมาตรฐานทองคำ’ (Gold standard) ซึ่งเป็นระบบมาตรฐานการเงินระหว่างประเทศระบบแรกของโลก แม้ว่าจะถูกยกเลิกไปแล้วแต่ทองคำก็ยังมีความสำคัญต่อระบบการเงินมาโดยตลอด อีกทั้งทองคำยังถูกจัดให้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ที่ไม่ว่าจะมีวิกฤตระดับโลกน่าเป็นห่วงขนาดไหน ทองคำก็จะเป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่มีมูลค่าพุ่งขึ้นสวนทางกับวิกฤตที่เกิดขึ้นเสมอ รวมถึงทองคำมักถูกใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา ประเพณีต่าง ๆ และเป็นเครื่องประดับที่แสดงถึงฐานะและความสง่างามอีกด้วย

จากสินแร่สู่ทองคำ เบื้องหลังความงดงามและมั่งคั่ง

การสกัดทองคำ ทองคำจากสินแร่

การสกัดทองคำออกจากสินแร่เป็นกระบวนการที่มีความซับซ้อน ต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญเฉพาะด้าน ตลอดจนเครื่องมือ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย โดยขั้นตอนหลักในการสกัดทองคำออกจากสินแร่มี ดังนี้

  1. การบดละเอียด: นำสินแร่ทองคำมาทำการบดให้ละเอียดเพื่อเปลี่ยนรูปเป็นสินแร่เปียก
  2. การสกัด: ใช้โซเดียมไซยาไนด์ในการชะละลายทองคำออกจากสินแร่ โดยมีเม็ดถ่านกะลามะพร้าวที่จะดูดซับทองคำเอาไว้ ก่อนจะนำไปแยกเป็นสารละลายทองคำเข้มข้น และใช้เซลล์ไฟฟ้าในการดักจับโลหะทองคำก่อนที่จะนำไปหลอมเป็นแท่งโลหะทองคำ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือนวัตกรรมในการควบคุมปริมาณการใช้ไซยาไนด์
  3. การทำให้บริสุทธิ์: นำโลหะทองคำที่สกัดได้ไปผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ ก่อนจะถูกนำไปทำเป็นทองรูปพรรณ หรือนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ที่เหมืองทองอัครา เราตระหนักถึงความสำคัญของการทำเหมืองอย่างมีความรับผิดชอบ ด้วยการรักษาสถิติการเป็นผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำที่ปลอดภัยสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก เราจึงเลือกใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น นวัตกรรมการควบคุมปริมาณการใช้ไซยาไนด์ การกักเก็บกากแร่โดยไม่มีการปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม  บ่อกักเก็บกากแร่ที่มีระบบป้องกันการรั่วซึมที่ได้การรับรองมาตรฐานระดับสากล การหมุนเวียนน้ำจากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ใหม่ นวัตกรรมการระเบิดที่ช่วยลดเสียง ลดฝุ่น เพื่อลดผลกระทบต่อธรรมชาติและชุมชนโดยรอบ

ไขข้อข้องใจทองคำแท้ ทองคำบริสุทธิ์ vs. ทองเค vs. ทองปลอม ต่างกันอย่างไร? รู้ไว้จะได้ไม่โดนหลอก

ในโลกของทองคำ “ความบริสุทธิ์” คือ สิ่งสำคัญที่สุดที่กำหนดทั้งมูลค่าและคุณสมบัติของทองคำ โดยทองคำบริสุทธิ์ ทองเค และทองปลอมล้วนมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้

1. ทองคำบริสุทธิ์ (24K) มาตรฐานแห่งความล้ำค่า

ทองคำบริสุทธิ์ (24K)

ทองคำบริสุทธิ์ หรือทอง 24K เป็นทองคำแท้มีค่าความบริสุทธิ์สูงสุดถึง 99.99% หมายความว่าในทองคำ 1,000 ส่วน จะมีทองคำบริสุทธิ์ 999.9 ส่วน แต่ทั้งนี้ ตามมาตรฐานของประเทศไทย มีการใช้มาตรฐานความบริสุทธิ์ของทองคำที่ 96.5% หรือ 23.16K ที่ถูกกำหนดโดยสมาคมค้าทองคำและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)

ซึ่งลักษณะของทองคำบริสุทธิ์ หรือทอง 24K มักจะมีสีเหลืองเข้ม เนื้ออ่อนนิ่ม ดัดแปลงรูปทรงได้ง่าย เป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย เพียงแค่กัดก็อาจมีรอยได้แล้ว จึงมักนิยมนำไปทำทองคำแท่ง เหรียญทองคำและเครื่องประดับบางประเภท เช่น สร้อยคอ กำไล 

2. ทองเค (Karat Gold) ความแข็งแกร่งที่ลงตัว

ทองเค (Karat Gold)

ทองเค คือ ทองคำที่มีการผสมกับโลหะอื่น ๆ ทำให้ค่าความบริสุทธิ์ย่อมลดลงตามสัดส่วนของโลหะที่ผสม โดยคำว่า ‘เค หรือ K’ ย่อมาจากกะรัต (Karat) เป็นตัวที่บ่งบอกว่ามีสัดส่วนของทองคำบริสุทธิ์จำนวนเท่าไหร่นั่นเอง ซึ่งโลหะอื่น ๆ ที่นิยมนำมาผสมส่วนใหญ่ คือ โลหะเงินหรือทองแดง เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ความทนทานและเปลี่ยนสีสันให้กับตัวทองคำ โดยส่วนมากนำไปใช้ในวงการอุตสาหกรรมเครื่องประดับอัญมณี อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงการคมนาคมและการสื่อสาร ซึ่งทองเคที่ถูกนำมาใช้บ่อย ๆ หรือมักคุ้นหูมีดังนี้

  • ทอง 18K มีทองคำ 75% ให้เฉดสีเหลืองขาว นิยมใช้ทำเครื่องประดับ
  • ทอง 14K มีทองคำ 58.33% ให้เฉดสีเหลืองขาว นิยมใช้ทำเครื่องประดับและใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
  • ทอง 9K มีทองคำ 37.5% ให้เฉดสีเหลืองซีด นิยมใช้ทำเครื่องประดับที่มีราคาย่อมเยาและใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

3. ทองปลอม ของเลียนแบบที่ต้องระวัง

ทองปลอม ของเลียนแบบที่ต้องระวัง

เพราะทองคำเป็นสิ่งที่มีมูลค่า จึงดึงดูดเหล่าผู้ไม่ประสงค์ดีและทำให้เกิดการปลอมทองเพื่อหลอกขายให้เห็นได้บ่อยครั้ง ซึ่งทองปลอม คือ ทองที่มีค่าความบริสุทธิ์ต่ำมาก ๆ หรือเป็นการนำโลหะและวัสดุอื่น ๆ มาชุบ หรือเคลือบด้วยทองคำ เพื่อให้มีสี น้ำหนักและรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายทองคำแท้ แต่คุณสมบัติและมูลค่านั้นแตกต่างกันมาก โดยการสังเกตทองปลอม-ทองแท้ ให้ตรวจสอบเบื้องต้นด้วยวิธีเหล่านี้

  • สังเกตตราประทับ ทองคำแท้จะมีตราประทับแสดงค่าความบริสุทธิ์ เช่น 96.5%, 99.99% หรือ 24K, 18K
  • ทดสอบด้วยแม่เหล็ก โดยทองคำแท้จะไม่ดูดติดกับแม่เหล็ก
  • ทดสอบความแข็ง เนื่องจากทองคำบริสุทธิ์จะอ่อนนิ่ม เมื่อขูดหรือกัดเบา ๆ จะเห็นรอย
  • ใช้น้ำยาตรวจสอบทอง ซึ่งวิธีนี้อาจต้องให้ร้านทอง หรือผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบให้
  • ราคาสมเหตุสมผล เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวมันเองและมีการกำหนดราคากลางโดยสมาคมค้าทองคำ ดังนั้น หากพบราคาทองคำที่ต่ำกว่าราคากลาง หรือมีโปรโมชันราคาถูกมาก ๆ นั่นอาจเป็นทองคำปลอมได้

อัครา… เหมืองทองระดับโลกของไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำคุณภาพเพื่อคนไทย สู่สายตาโลก

ที่เหมืองทองอัครา เรามุ่งมั่นในการผลิตทองคำคุณภาพตามมาตรฐานสากล และด้วยวิสัยทัศน์ ทองไทย เพื่อคนไทย สู่สายตาโลก” อัครา จึงได้ส่งทีมงานไปร่วมทำงานกับ บริษัท รีฟายนิ่งโลหะมีค่า จำกัด หรือ ‘พีเอ็มอาร์ (PMR)’ เพื่อให้ทำการแปรรูปและสกัดทองแท่งโดเร่ของอัคราให้ได้ทองคำที่มีค่าความบริสุทธิ์ 99.99% ตามมาตรฐานสากล ก่อนส่งต่อให้บริษัท ออสสิริส จำกัด ซึ่งมีรากฐานจากการเป็นช่างทองไทยมาก่อน นำไปใส่อัตลักษณ์ความเป็นไทย ขึ้นรูปให้เป็นทองคำรูปพรรณคุณภาพส่งออกสู่สายตาโลกต่อไป 

เรียกได้ว่าเป็นการเชื่อมสายการผลิตทองคำของไทยตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ ในการพาสินค้าที่ผลิตด้วยทองคำและเงินของไทยผ่านเกณฑ์ FTA เพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากประเทศคู่ค้า เช่น การลดหย่อนภาษีนำเข้าของประเทศปลายทาง จากการใช้ทองคำและเงินที่สกัดและแปรรูปในไทย ตามหลักเกณฑ์ที่มีสัดส่วนมูลค่าการผลิตและวัตถุดิบในประเทศ (Local Content) และสร้างแต้มต่อให้กับผู้ประกอบการไทยในตลาดต่างประเทศ ลดการนำเข้าและลดการขาดดุลการค้า รวมถึงการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต และการค้าทองคำครบวงจรที่ได้มาตรฐานสากลแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

หลังจากที่เหมืองทองอัคราได้พาไปรู้จักเรื่องราวของทองคำทั้งกระบวนการสกัด ความแตกต่างระหว่างทองคำบริสุทธิ์ ทองเคและทองปลอม มาถึงตรงนี้ เชื่อว่าหลายคนที่กำลังมองหาทองคำไว้เป็นของขวัญแทนใจต้อนรับปีใหม่ หรือเทศกาล วันสำคัญต่าง ๆ คงเลือกหาและตัดสินใจซื้อทองคำของแท้ได้สบายใจมากขึ้นแล้ว แต่เพื่อความมั่นใจควรเลือกซื้อทองจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบตราประทับได้ และมีใบรับประกันเพื่อให้แน่ใจว่าทองที่ซื้อเป็นทองแท้นั่นเอง

 

อัครา รีซอร์สเซส จำกัด เข้าร่วมโครงการอุตสาหกรรมสีเขียว

เนื่องด้วย บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ได้เข้าร่วมโครงการอุตสาหกรรมสีเขียว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน โดยยึดมั่นในการประกอบกิจการด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมตลอดห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งทางบริษัทฯ มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า บริษัทฯ ได้รับการรับรองเป็น “อุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 1: ความมุ่งมั่นสีเขียว” จากกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อแสดงว่าเราได้มีความมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีการสื่อสารภายในองค์กรให้ทราบโดยทั่วกัน

ตรวจสุขภาพชุมชนรอบเหมือง โครงการเพื่อชุมชนและสังคมผ่านความตั้งใจดีของอัครา

“สุขภาพดี ชีวิตสดใส” หัวใจสำคัญของการพัฒนา เพราะสุขภาพที่ดี คือ สิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิต เป็นรากฐานสำคัญของการดำรงชีวิตอย่างมีความสุขและเป็นขุมพลังแห่งการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่เหมืองทองอัคราเราตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อชุมชนและความสำคัญของการมีสุขภาพดีเสมอมา จึงมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับชุมชนรอบเหมือง ด้วยการขับเคลื่อนเจตนารมณ์ผ่านโครงการเพื่อชุมชนและสังคมภายใต้ชื่อ ‘โครงการตรวจสุขภาพชุมชน’ ที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใยและความตั้งใจดีจากเหมืองทองอัครา 

“อัคราเพื่อชุมชน” โครงการตรวจสุขภาพ… ส่งเสริมสุขภาพดี ทั่วพื้นที่รอบเหมือง

วันที่ 22 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา เหมืองทองอัครา นำโดยคุณเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ได้นำโครงการดี ๆ เพื่อชุมชนอย่างโครงการตรวจสุขภาพ… ส่งเสริมสุขภาพดีประจำปีที่เปรียบเสมือนโมบายคลินิก ภายใต้แนวคิด ‘เหมืองแร่ปลอดภัย ห่วงใยประชาชน’ ซึ่งได้ดำเนินการมาทุกปีอย่างต่อเนื่องเพื่อดูแลสุขภาพของชาวบ้านในพื้นที่รอบเหมือง โดยเปิดให้ชาวบ้าน 3 อำเภอรอบเหมืองอยู่ติดกับเขตระยะปลอดภัยรัศมี 5 กม. จำนวน 28 หมู่บ้านใกล้เหมืองทองอัครา หรือประมาณ 700 คน เข้าตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งมีการให้บริการตรวจสุขภาพที่หลากหลายและครอบคลุม

  • ตรวจร่างกายทั่วไป: มีการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต ตรวจเลือดเพื่อตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด การทำงานของตับและไต เอ็กซเรย์ปอด ทดสอบสมรรถภาพปอด รวมถึงการตรวจปัสสาวะที่จะส่งให้กับแล็บของโรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งเป็นแล็บที่ได้มาตรฐาน
  • ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ: หลังได้ข้อมูลสุขภาพเกี่ยวกับพื้นฐานน้ำหนัก ส่วนสูง ความดันโลหิต และได้รับการสัมภาษณ์พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันจากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) แล้ว จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีวเวชศาสตร์คอยให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพจากข้อมูลที่ได้อีกครั้ง รวมถึงการตรวจร่างกายเพิ่มเติม นอกจากนี้บริเวณรอบพื้นที่ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอย่างสาธารณสุขท้องถิ่นที่มาออกบูธให้ข้อมูลความรู้เรื่องสุขภาพด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรคภัย การเฝ้าระวังสุขภาพและการยืนยันตัวตนเพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพอีกด้วย

“อัคราเพื่อชุมชน” สุขภาพดี เริ่มต้นที่นี่ !

สำหรับโครงการเพื่อชุมชนและสังคมอย่างโครงการตรวจสุขภาพ หรือโมบายคลินิกที่ทางอัคราได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีนี้ เกิดขึ้นได้จากงบประมาณที่จัดสรรไว้จำนวน 3% ตามที่รัฐกำหนด และแบ่งส่วนเข้าสู่ ‘กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ’ ที่นอกเหนือจากการจ่ายค่าภาคหลวงแร่ ซึ่งสอดรับกับจุดมุ่งหมายของการเป็นเหมืองปลอดภัย ห่วงใยประชาชน เพื่อมอบประโยชน์มากมายทั้งต่อชาวบ้านและชุมชน ดังนี้

  • การเข้าถึงบริการสุขภาพ: ชาวบ้านสามารถเข้าถึงบริการตรวจสุขภาพได้สะดวก รวดเร็ว และไม่เสียค่าใช้จ่าย
  • เฝ้าระวังปัญหาสุขภาพ: ช่วยให้ชาวบ้านมีข้อมูลสุขภาพของตนเอง และสามารถเฝ้าระวัง ป้องกัน พร้อมเข้าถึงการรักษาโรคได้อย่างทันท่วงที
  • ลดความเหลื่อมล้ำ: ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล
  • พัฒนา “ระบบสุขภาพชุมชน”: ต่อยอดจากการเก็บข้อมูลด้านสุขภาพในทุกปีทำให้เกิดเป็นระบบสุขภาพชุมชน และกลายเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสุขภาพชุมชนให้เข้มแข็ง ห่างไกลโรคภัยได้อย่างยั่งยืน
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: นอกจากชุมชนจะได้รับทราบปัญหาสุขภาพ และแนวทางการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องแล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างอัคราและชุมชน เพื่อร่วมดูแลซึ่งกันและกันอีกด้วย

ประมวลผลภาพโครงการตรวจสุขภาพเพื่อชุมชนและสังคมรอบเหมือง
“โครงการเหมืองปลอดภัย ห่วงใยประชาชน 2567”

“รู้สึกดีมากค่ะ ตอนนี้สุขภาพปกติดีค่ะ แล้วก็อยากให้มีอีกค่ะ”
– คุณเรียม บุญไทย ชาวบ้านจากชุมชนรอบเหมือง –

“ทุกคนดีใจครับ เขาอยากมาตรวจว่าตัวเองเป็นโรคอะไร อย่างไรบ้าง
อยากให้อัคราทำโครงการดี ๆ อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ครับ เพื่อชาวบ้านและชุมชนรอบเหมือง”
– คุณสมชาย แหลมนาค ผู้ใหญ่บ้านจากชุมชนรอบเหมือง –

นอกเหนือจากโครงการดี ๆ อย่างโครงการตรวจสุขภาพเพื่อชุมชนและสังคมรอบเหมืองที่เราได้จัดตั้งขึ้นมาแล้ว ภายในโครงการนี้ยังมีกิจกรรมจับฉลากให้รางวัลกับผู้เข้าร่วมตรวจสุขภาพอีกด้วย โดยรางวัลใหญ่ในครั้งนี้เป็นทองคำคุณภาพจากเหมืองทองอัครา รถจักรยานและอื่น ๆ อีกหลากหลายรายการ รวมไปถึงยังมีโซนให้ชาวบ้านมาเปิดร้านขายของ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากชุมชนแต่ละท้องที่ จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วย

“ความรับผิดชอบต่อชุมชน” คือ หัวใจของอัครา… ที่เหมืองทองอัคราเรามุ่งมั่นที่จะเป็น “เพื่อนแท้” ของชุมชน เคียงข้าง และดูแลซึ่งกันและกัน ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า “สุขภาพ” คือ รากฐานสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข นำมาสู่โครงการตรวจสุขภาพเพื่อชุมชนและสังคม ซึ่งเป็นหนึ่งในความตั้งใจดีที่เราพร้อมมอบให้กับชุมชนเพื่อสร้างสังคมที่แข็งแรงและยั่งยืนร่วมกัน

“ชาตรี” สุดยอดนักธรณีไทย ผู้ร่วมบุกเบิกเหมืองแร่ทองคำชาตรีสู่เหมืองทองคำมาตรฐานโลก

เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมบางคนถึงเรียกชื่อเหมืองแร่ทองคำอัคราว่า ‘เหมืองแร่ทองคำชาตรี (Chatree Gold Mine)’ ? เป็นเพราะเจ้าของชื่อชาตรี หรือเพราะอะไร วันนี้… เราขอพาทุกท่านไปค้นหาคำตอบที่มาของชื่อเหมืองทองและสัมผัสเรื่องราวแห่งความภาคภูมิใจกับนักธรณีวิทยาไทยคนเก่งที่น่ายกย่อง “คุณชาตรี ชัยชนะพูลผล” ผู้ร่วมบุกเบิกค้นพบสายแร่ทองคำคุณภาพในประเทศไทย จนนำไปสู่การกำเนิด “เหมืองแร่ทองคำชาตรี” และก้าวสู่การเป็นเหมืองแร่ทองคำคุณภาพระดับโลกในนาม “เหมืองแร่ทองคำอัครา” ณ ปัจจุบัน

จุดเริ่มต้นเหมืองแร่ทองคำอัครา กับชายที่ชื่อ ‘ชาตรี’

ประกายแห่งความภูมิใจจากความสามารถของคนไทย… เราต่างก็ทราบดีว่าประเทศไทยเรานั้นมีทรัพยากรล้ำค่าอยู่มากมาย เพราะดินแดนแถบนี้ในอดีตผู้คนต่างรู้จักกันในนาม “สุวรรณภูมิ” หรือ “ดินแดนแห่งทองคำ” ซึ่งหากไม่ใช่ผู้ที่มีความมุ่งมั่น มีความเชี่ยวชาญด้านการสำรวจและศึกษาโครงสร้างชั้นหินของโลกเฉกเช่นคุณชาตรี ชัยชนะพูลผล นักธรณีไทยผู้เก่งกาจคนนี้ เราอาจจะยังไม่ได้พบเจอขุมทรัพย์อันล้ำค่านี้ที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นแผ่นดินไทยจนนำมาสู่การขับเคลื่อนประเทศก็เป็นได้  

คุณชาตรี เป็นอีกหนึ่งในคนไทยยอดเก่งและเป็นบุคคลสำคัญของอัครา เพราะเป็นผู้ร่วมบุกเบิกการสำรวจและพัฒนาเหมืองแร่ทองคำคุณภาพในประเทศไทย โดยมีส่วนสำคัญในการค้นพบแหล่งสายแร่ทองคำของเหมืองแร่ทองคำชาตรีเป็นคนแรกและพัฒนาเหมืองแร่ทองคำชาตรี จนกลายเป็นเหมืองแร่ทองคำระดับโลกของไทยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ในการมองลักษณะของชั้นหินและองค์ประกอบสภาพแวดล้อมของสายแร่ทองคำคุณภาพได้แม่นยำและเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น แต่เป็นที่น่าเสียดายที่คุณชาตรีได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ พ.ศ. 2535 

คุณชาตรี ชัยชนะพูลผล

คุณชาตรี ยืนแถวหลังคนที่ 2 นับจากซ้ายมือ

คุณชาตรี ชัยชนะพูลผล นักธรณีวิทยาชาวไทยผู้มากความสามารถและได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจแร่ทองคำ แต่เดิมมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์ธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยความรักในวิชาชีพธรณีวิทยาจึงได้เริ่มต้นเส้นทางอาชีพที่บริษัทเอกชนชื่อ บริษัท ไทยโกลด์ฟิวด์ จำกัด  ก่อนจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวอัครา ไมนิ่ง จำกัด (ชื่อเดิมของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน)) และด้วยวิสัยทัศน์กว้างไกล ร่วมกับความมุ่งมั่นในการค้นหาทรัพยากรธรรมชาติเพื่อพัฒนาประเทศไทยของเรา คุณชาตรีได้อุทิศตนในการสำรวจแร่ธาตุต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย และในที่สุดความพยายามก็สัมฤทธิ์ผล 

จากคำบอกเล่าของคุณจำรัส แสงศรีจันทร์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายสำรวจ กล่าวถึงคุณชาตรีว่าในตอนนั้นเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่ร่วมกันทำการค้นหาสายแร่ทองคำในประเทศไทย 

“ในช่วงใหม่ ๆ ตระเวนทั่วประเทศไทย ไปดูแหล่งต่าง ๆ ว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง 
ถ้าที่ไหนน่าสนใจก็จะกลับไปติดตามผลการสำรวจอีกครั้ง
โดยขั้นตอนจะมีการสำรวจทางธรณีวิทยาและธรณีเคมี 
ซึ่งมีผม คุณชาตรีและคุณสุรพล คอยจัดทำเป็นแผนที่บันทึกข้อมูลทางธรณีวิทยา
ว่าบริเวณนั้นคือหินอะไร พบแร่อะไรบ้าง 
และด้วยความโชคดีวันที่ 26 มีนาคม 2533 เราได้ค้นพบเกล็ดแร่ทองคำเล็ก ๆ
ที่อยู่ในสายแร่ควอตซ์จากการขุดร่องสำรวจ จำนวน 13 แนวบริเวณเขาหม้อ
ซึ่งปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นบ่อเหมืองที่เรียกกันว่า “บ่อ A” ของเหมืองแร่ทองคำชาตรี”

จากการค้นพบสายแร่ทองคำคุณภาพ บริเวณรอยต่อระหว่างจังหวัดพิจิตรและเพชรบูรณ์ในครั้งนั้น เพื่อให้เกียรติแด่คุณชาตรีทางบริษัทอัคราจึงตั้งชื่อเหมืองว่า “เหมืองแร่ทองคำชาตรี” เหมืองแร่ทองคำแห่งแรกของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) 

ผู้ร่วมบุกเบิกเหมืองแร่ทองคำชาตรีสู่เหมืองทองคำมาตรฐานโลก

และแม้ในตอนนั้นคุณชาตรีและทุกคนจะค้นพบสายแร่ทองคำคุณภาพแห่งแรกของประเทศไทยแล้ว แต่การเริ่มต้นทำเหมืองก็ยังเป็นความกังวลของผู้คนในยุคนั้น คุณสุรชาติ หมุนสมัย รุ่นน้องผู้ร่วมงานของคุณชาตรีได้กล่าวว่า 

ในสมัยนั้นมันค่อนข้างยากที่จะอธิบายให้ทุกคนทราบถึงผลลัพธ์ของการมีเหมือง 
เนื่องจากข้อมูลข่าวสารในตอนนั้นมันหาได้ยาก ไม่เหมือนสมัยนี้ที่สามารถค้นหาผ่านอินเทอร์เน็ตได้ว่า
แทบจะมีผลกระทบน้อยมากในการสร้างเหมือง และพี่ชาตรีก็เคยพูดกับผม 
‘วันหนึ่ง พวกเขาจะเข้าใจเองว่า พวกเรากำลังทำอะไรให้เขาอยู่’ ปัจจุบันสิ่งที่พี่ชาตรีเคยบอกไว้ ก็ไม่เกินจริง… ”  

เส้นทางจากเหมืองทองชาตรีสู่ชุมชน การเติบโตของเหมืองที่ก้าวไปพร้อมชุมชน

คุณชาตรีไม่เพียงแต่เป็นนักธรณีวิทยาที่ค้นพบสายแร่ทองคำคุณภาพ จนกลายมาเป็นเหมืองทองของคนไทยที่ปลอดภัยและยั่งยืนระดับโลกในทุกวันนี้เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับ “ชุมชน” โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนควบคู่ไปกับการทำเหมือง

“ชาตรีเป็นคนแรกเลยที่เข้ามาหายาย จะทำอะไรแค่เอ่ยปากเขาพร้อมจะช่วยทุกอย่าง นอกจากเขาไม่รู้ 
ขออะไรเขาก็ให้ มีอะไรเขาก็เข้ามาปรึกษา อย่างประปาเนี่ยเขาก็ว่า ‘มันไม่ดียังไง เดี๋ยวผมเอาช่างมาดูให้’ 
ต้องขอบคุณคุณชาตรีและคุณแม่ของชาตรีด้วยนะคะ” 

นางแพง และสมพร ฉิมพลี ร้านค้าของชำ ชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียงเหมืองแร่ทองคำชาตรี 

“คุณพ่อผมเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 รู้จักกับคุณชาตรี เขามาบอกว่าจะมีการสำรวจแร่ทองคำ 
ตอนนั้นที่รู้ว่าพบเจอสายแร่ทองคำไม่ได้ตกใจ แต่แปลกใจมากกว่าที่ว่าประเทศเรามีทองคำด้วยหรือ… 
และแทบจำไม่ได้เลย แถวนี้ไม่มีบ้านหรอกมีแต่ทุ่งนา ต้องขอบคุณคุณชาตรีมากเลยที่ได้ค้นพบแหล่งแร่ทองคำ 
ทำให้คนทั่วโลกรู้ว่าประเทศไทยเรามีแหล่งแร่ทองคำ และก็สร้างรายได้ สร้างสาธารณูปโภคในชุมชน” 

นายศิวกร ช่วยค้ำชู ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียงเหมืองแร่ทองคำชาตรี 

“ในอดีตคุณพ่อเคยทำงานที่เหมืองค่ะ ขับรถยักษ์ หนูเป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่ได้ทุนจากเหมือง ณ ตอนนั้น ที่จริงตอนนั้นหนูคิดว่าจะไม่เรียนต่อแล้ว เพราะว่าค่าเทอมหนูไม่ได้ให้พ่อแม่มายุ่งค่ะ หนูตั้งใจที่จะเรียนเอง แล้วก็บอกเขาว่าเหมืองได้ให้ทุนหนู… หนูขอขอบคุณคุณชาตรีที่มาเจอพื้นที่นี้ และทำให้เกิดการพัฒนามากมายในชุมชน 
ส่วนตัวหนูเอง ถ้าไม่มีเหมือง หนูก็คงไม่ได้รับการศึกษาเทียบเท่ากับคนอื่น ๆ ในสังคม” 

น.ส. พร้อมพรรณ ขุนทอง เจ้าหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์และการพัฒนา 
หนึ่งในชาวบ้านที่อยู่ใกล้เหมืองที่ได้รับโอกาสทางการศึกษาและทำงานกับเหมืองแร่ทองคำชาตรี

อัครา… สานต่อเจตนารมณ์เพื่อความยั่งยืน จากเหมืองแร่ทองคำชาตรีในวันนั้นสู่เหมืองทองคำอัคราในวันนี้ เราภาคภูมิใจที่ได้สานต่อเจตนารมณ์ของคุณชาตรี ในการดำเนินธุรกิจเหมืองแร่ทองคำอย่างมีความรับผิดชอบ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติและชุมชนโดยรอบ

เหมืองแร่ทองคำชาตรี (Chatree Gold Mine) ทองคำ… จากผืนดินไทย 
สู่ความภาคภูมิใจของคนไทย ด้วยวิสัยทัศน์ของนักธรณีไทย ‘คุณชาตรี ชัยชนะพูลผล’
นักธรณีวิทยาผู้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและเป็นบุคคลต้นแบบแห่งวงการธรณีวิทยาไทย

เล่าเรื่องเหมืองทองอัคราวันนี้ นวัตกรรมเหมืองยุคใหม่ของการทำเหมืองทองเพื่อความยั่งยืนระดับโลก

ประเทศไทย.. ดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ หล่อเลี้ยงหลากหลายอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่เวทีโลก ไม่ว่าจะเป็นรวงข้าวหอมมะลิ  ผลไม้รสเลิศ  ยางพาราคุณภาพ หรือแม้แต่ “ทองคำ” ทรัพยากรล้ำค่าที่เปล่งประกายอันเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง ล้วนมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับประเทศ วันนี้… “เหมืองทองอัครา” เหมืองทองคำระดับโลกของคนไทย เราพร้อมแล้วที่จะกลับมาผงาดอีกครั้ง ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำคุณภาพ และเป็นส่วนหนึ่งของฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้วยนวัตกรรมเหมืองทองยุคใหม่มาตรฐานโลก ที่มุ่งมั่นสู่การทำเหมืองทองอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทุกคน 

เล่าเรื่องเหมืองทองอัคราวันนี้… ที่คุณอาจไม่เคยรู้

“อัครา” คือ บริษัทเหมืองแร่ทองคำของคนไทยที่ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) โดยเป็นผู้ถือสัมปทาน “เหมืองแร่ทองคำชาตรี” ซึ่งเป็นเหมืองแร่ทองคำระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อระหว่างจังหวัดพิจิตรและเพชรบูรณ์ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอัครามุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ โดยให้ความสำคัญกับ 3 ด้านหลัก ดังนี้

  • การพัฒนาเศรษฐกิจ: สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชนและประเทศชาติ
  • การดูแลสังคม: ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนผ่านโครงการต่าง ๆ ด้านการศึกษา สาธารณสุข และการพัฒนาชุมชน
  • การรักษาสิ่งแวดล้อม: ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลกที่ทันสมัย ล้ำหน้า ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและฟื้นฟูพื้นที่ควบคู่ไปกับการทำเหมือง

แม้ต้องเผชิญกับคลื่นลมที่ถาโถม แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมชุมชนและประเทศไทย 
‘การเดินทางครั้งใหม่จึงเริ่มต้นอีกครั้ง’ 

วันนี้เหมืองทองอัคราพร้อมกลับมาเปิดและดำเนินการด้วยความมุ่งมั่น
สานต่อด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และมุ่งเน้นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 
ภายใต้มาตรฐานระดับโลกที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

เหมืองทองอัครายุคใหม่… ก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน

การกลับมาครั้งนี้เหมืองทองอัคราพร้อมแล้วที่จะขับเคลื่อนธุรกิจเหมืองแร่ทองคำ ด้วย “นวัตกรรมเหมืองยุคใหม่” ที่ยึดหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) เป็นหัวใจสำคัญ

  • ด้านสิ่งแวดล้อม: นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับสู่การเป็นเหมืองทองยั่งยืนระดับโลก เช่น นวัตกรรมการผลิตแบบปิดล็อกที่ไม่มีการเล็ดลอด, ระบบบ่อป้องกันการรั่วซึม 5 ชั้น ที่ไม่มีการรั่วซึมและได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล, การรีไซเคิลน้ำที่เกิดจากกระบวนการผลิตแล้วนำกลับมาใช้ซ้ำ 100% ไม่ปล่อยออกไปภายนอก, นวัตกรรมการระเบิดที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การออกแบบจังหวะถ่วงเวลาระเบิด ลดการเกิดเสียงและแรงสั่น การใช้น้ำฉีดก่อนการระเบิดเพื่อลดฝุ่น และการฟื้นฟูพื้นที่หลังการทำเหมือง เป็นต้น
  • ด้านสังคม: มุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าร่วมกับชุมชนผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การสร้างงาน, การพัฒนาอาชีพ, การสนับสนุนด้านการศึกษา, การดูแลส่งเสริมสุขภาพ, การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ
  • ด้านธรรมาภิบาล: ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้และมีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

นอกจากนี้ เรายังมีอีกหนึ่งเป้าหมายใหญ่ ด้วยการนำอุตสาหกรรมทองคำไทยเข้าสู่ ‘ฮับแปรรูปและสกัดทองคำ’ เพื่อผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตทองคำแห่งใหม่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้กรอบความร่วมมือทางธุรกิจของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน), บริษัท รีฟายนิ่ง โลหะมีค่า จำกัด หรือ ‘พีเอ็มอาร์ (PMR)’ และบริษัท ออสสิริส จำกัด ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นการเชื่อมต่อสายการผลิตทองคำคุณภาพที่เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ‘โดยอัครา-ถลุง, พีเอ็มอาร์-สกัด, ออสสิริส-แปรรูป’

ทั้งนี้ เพื่อต่อยอดการสร้าง ‘คุณค่า’ และ ‘ยกระดับการแข่งขัน’ พาสินค้าทองและเงินไทยผ่านเกณฑ์ FTA เพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากประเทศคู่ค้า เช่น การลดหย่อนภาษีนำเข้าของประเทศปลายทาง จากการใช้ทองคำและเงินที่สกัดและแปรรูปในไทย ตามหลักเกณฑ์ที่มีสัดส่วนมูลค่าการผลิตและวัตถุดิบในประเทศ (Local Content) สร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการไทยในตลาดต่างประเทศ ลดการพึ่งพาการนำเข้า ทำให้มียอดสั่งซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งสอดรับกับนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการทำความตกลงทางการค้าเสรีกับประเทศต่าง ๆ เพื่อดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติมายังประเทศไทย

เหมืองทองอัครา… ร่วมสร้างผลกระทบเชิงบวก พร้อมมุ่งหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ

การกลับมาของเหมืองทองอัคราในครั้งนี้ เราไม่เพียงแต่รักษาไว้ซึ่งสถิติการเป็นผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำที่ปลอดภัยสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก และมุ่งมั่นสร้างความยั่งยืนเพียงเท่านั้น แต่เราพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยจากต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำให้ไปสู่ระดับโลกได้อย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ผ่านการสร้างผลกระทบเชิงบวกในด้านต่าง ๆ ดังนี้

Economic Impact พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

เหมืองทองอัครา ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่รายเดียวของประเทศ

เหมืองทองอัคราในฐานะผู้ผลิตทองคำรายใหญ่รายเดียวของประเทศ เราร่วมเป็นส่วนหนึ่งในบทบาทสำคัญสำหรับการสร้าง “Economic Impact” อันยิ่งใหญ่ หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

  • เม็ดเงินลงทุนมหาศาล การกลับมาเปิดดำเนินการของอัคราในครั้งนี้ มาพร้อมกับเม็ดเงินลงทุนกว่า 2,600 ล้านบาท ในการยกเครื่อง ซ่อมแซมและพัฒนาเครื่องจักร, โรงประกอบโลหกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมเดินหน้าผลิตทองคำคุณภาพป้อนสู่ตลาดโลก
  • กระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียน อัคราเราคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยกว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี ผ่านการให้การสนับสนุนธุรกิจต่าง ๆ การจัดซื้อจัดจ้างและการจ้างงาน
  • ศักยภาพ “ฮับทองคำ” แห่งอาเซียน อัคราเรามุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ประเทศไทย ก้าวขึ้นเป็น “ศูนย์กลางการค้าทองคำ” ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมหาศาล

ค่าภาคหลวงแร่ คืนกำไรสู่สังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน

ค่าภาคหลวงแร่ เหมืองทองอัคราวันนี้

ค่าภาคหลวงแร่ คือ ภาษีที่รัฐเรียกเก็บจากการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ซึ่งเหมืองทองอัคราเราภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศผ่านการชำระค่าภาคหลวงแร่อย่างถูกต้องและโปร่งใส นับตั้งแต่ก่อนมีการประกาศให้พักการประกอบกิจการชั่วคราว เหมืองทองอัคราได้จ่ายค่าภาคหลวงไปแล้วกว่า 4,500 ล้านบาท และนับตั้งแต่กลับมาเปิดดำเนินการเมื่อเดือนมีนาคม 2566 อัคราได้ชำระค่าภาคหลวงแร่ให้แก่รัฐบาลไทยไปแล้วกว่า 700 ล้านบาท โดยเงินจำนวนนี้จะถูกนำไปใช้พัฒนาประเทศและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน

  • 40% สู่รัฐบาลกลาง เงินค่าภาคหลวงแร่ 40% จะถูกนำส่งเป็นรายได้ของรัฐบาลกลางเพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ
  • 60% สู่ท้องถิ่น: 50% จะถูกจัดสรรให้พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งเหมืองทองอัครา เพื่อนำไปใช้พัฒนาชุมชนและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น และอีก 10% ที่เหลือจะถูกจัดสรรให้กับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทั่วประเทศ

Social Impact ! สร้างคุณค่า สร้างโอกาส สร้างความสุข

เหมืองทองอัคราเพื่อชุมชน

เหนือสิ่งอื่นใด.. “คน” คือ หัวใจสำคัญของอัครา! เพราะเราเชื่อมั่นว่าความสำเร็จทางธุรกิจ ต้องมาพร้อมกับการพัฒนาสังคมและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน

  • สร้างงาน สร้างอาชีพ ที่เหมืองทองอัคราเรามีการจ้างงานคนในพื้นที่กว่า 1,000 คน โดยกว่า 90% ที่เราตั้งเป้าหมายให้เป็นคนในชุมชน เพื่อสร้างเสริมเศรษฐกิจฐานรากในชุมชนรอบเหมือง ให้ทุกคนมีงานทำ มีรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงปูพื้นสร้างโอกาสให้คนในชุมชนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในระยะยาว
  • พัฒนาคุณภาพชีวิต เหมืองทองอัคราสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ที่เปรียบเสมือนการเรียนรู้นอกห้องเรียน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน เช่น การศึกษา, สาธารณสุข, กีฬา, ศาสนาและวัฒนธรรม เพราะเราเชื่อมั่นว่า การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชน คือรากฐานสำคัญในการส่งเสริมศักยภาพชุมชนให้เข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน 
  • ครอบครัวอบอุ่น ครอบครัวในชุมชนได้อยู่พร้อมหน้า ลดปัญหาการย้ายถิ่นฐาน สร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัวและชุมชน คืออีกหนึ่งภารกิจที่อัคราตั้งใจผลักดัน เพื่อเป็นการขยายขอบเขตการส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้กับคนในชุมชน

เหมืองทองอัครา… เหมืองทองของคนไทยเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย

ปฐมบทใหม่แห่งการเดินทางได้เริ่มขึ้นอีกครั้งแล้ววันนี้ที่เหมืองทองอัครา… การกลับมาเปิดเหมืองในครั้งนี้ เรามุ่งมั่นที่จะเป็น “เหมืองทองคำคุณภาพของไทย ความยั่งยืนและความปลอดภัยระดับโลก” ที่ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยและคนไทยทุกคน

อัคราจับมืออุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตรเร่งบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ

บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ส่งมอบข้าวสาร อาหารแห้ง และยาสามัญประจำบ้านให้อุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตร เพื่อจัดทำถุงยังชีพส่งมอบให้ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือต่อไป

นายสมปอง หวังรุ่งวิชัยศรี อุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตร รับมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคที่ตัวแทนบริษัทฯ ได้นำมามอบให้ที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตร เพื่อรวบรวมส่งต่อไปยังสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการจัดทำเป็นถุงยังชีพไว้สำหรับแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยต่อไป

นายสมปอง กล่าวว่า ตามนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้โครงการ “อุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยพี่น้องชาวไทย” ทางปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมได้แจ้งให้สำนักงานอุตสาหกรรมทุกจังหวัด จัดหาอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งของจำเป็นต่าง ๆ เพื่อมอบให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมโดยเร่งด่วน

ในโอกาสนี้ นายธนชาติ ผาทอง รองผู้จัดการรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ เห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อน นำน้ำ อาหารแห้ง รวมถึงยาสามัญประจำบ้าน ให้กับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตร ซึ่งภายหลังที่อุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลกดำเนินการจัดถุงยังชีพเป็นที่เรียบร้อยและส่งกลับมาให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตรแล้ว บริษัทฯ จะร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่นำไปมอบให้กับผู้ประสบภัยต่อไป

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 บริษัทฯ ได้ผนึกกำลังพันธมิตรลงพื้นที่เร่งให้ความช่วยเหลือคณะครูและนักเรียนกว่าหกร้อยชีวิตที่โรงเรียนอนุบาลวังโป่ง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ภายหลังห้องเรียน 15 ห้อง และอุปกรณ์การเรียนการสอนได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุอุทกภัย ส่งผลให้ต้องหยุดการเรียนการสอน 8 วัน ประเมินมูลค่าความเสียหายที่ 2.5 ล้านบาท โดยช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดห้องเรียนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ทำการเรียนการสอนได้ตามปกติโดยเร็ว

อัคราเผยจ่ายค่าภาคหลวงไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท มั่นใจไทยมีศักยภาพเป็น “ฮับทองคำ” ของอาเซียนพร้อมผลักดันสินค้าทองคำและเงินของไทยให้ผ่านเกณฑ์ FTA เพื่อสร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการไทย

อัคราเร่งจัดตั้งคณะกรรมการกองทุน เพิ่มบทบาทชุมชนในการบริหารกองทุนก่อนเปิดดำเนินการอีกครั้ง

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) (“อัครา”) ผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ร่วมกับผู้นำชุมชน ผู้แทนชุมชน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ อุตสาหกรรมจังหวัด ศึกษาธิการจังหวัด ประมาณ 50 คน จัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมืองแร่ และคณะกรรมการบริหารจัดการกองทุนเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชน ตามกรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคำ พ.ศ. 2565 โดยปรับโครงสร้างให้ผู้นำและผู้แทนชุมชนในเขตพื้นที่รอบเหมืองทั้ง 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิจิตร จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดพิษณุโลก มีบทบาทในการบริหารจัดการกองทุนฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เหมืองแร่สามารถอยู่คู่ชุมชนได้อย่างยั่งยืน

นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร ซึ่งเป็นตัวแทนอัคราในการประชุมครั้งนี้ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาอัคราได้สมทบทุนเข้ากองทุนต่าง ๆ ไปแล้วกว่า 243 ล้านบาท บนความตั้งใจที่ต้องการให้กองทุนเป็นอีกกลไกที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชน โดยมีประชาชนเป็นผู้กำหนดแนวทางการพัฒนาของตนเอง อย่างไรก็ตาม เงินในกองทุนถูกนำไปใช้ในโครงการวิชาการเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ชุมชนกลับเข้าถึงเม็ดเงินเหล่านี้ได้ค่อนข้างยาก จึงเป็นที่มาของการร่วมกันบูรณาการโครงสร้างการบริหารจัดการกองทุนในครั้งนี้

“กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ได้กรุณารับข้อเสนอจากผู้นำชุมชนในพื้นที่ไปพิจารณาประกอบการจัดทำระเบียบ ทำให้จากนี้ไป อำนาจในการบริหารจัดการเงินกองทุนทั้งสองจะอยู่ที่คณะกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนของคนในพื้นที่ทั้งหมด ดังนั้น การพิจารณาข้อเสนอโครงการ การอนุมัติ การเบิกจ่ายเงิน และการติดตามผล จะมีเส้นทางการสื่อสารสั้นลง และจะสามารถสนองความต้องการของคนในพื้นที่ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านต่าง ๆ ได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น” นายเชิดศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคํา ออกโดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ บริษัทฯ ต้องสมทบเงินเข้ากองทุนจำนวน 4 กอง คิดเป็นร้อยละ 22 ของค่าภาคหลวงแร่ที่บริษัทฯ ชำระในแต่ละปี หรือรวมแล้วต้องไม่น้อยกว่า 65 ล้านบาทต่อปี

โดยกองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมืองแร่ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการดําเนินกิจกรรมหรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหมู่บ้านรอบเหมืองแร่ของบริษัทฯ ทั้งในด้านการพัฒนาอาชีพ ชีวิตความเป็นอยู่และด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชุมชนในเขตรัศมี  3  กิโลเมตร จำนวน 17 หมู่บ้าน โดยบริษัทฯ ต้องจ่ายเงินสมทบในอัตราร้อยละ 5 ของค่าภาคหลวงแร่ที่ชำระในแต่ละปี แต่ต้องไม่น้อยกว่า 15 ล้านบาทต่อปี ตลอดระยะเวลาที่มีการประกอบการ ในส่วนของกองทุนเฝ้าระวังสุขภาพนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมหรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนรอบพื้นที่เหมืองแร่ในเขตรัศมี  5  กิโลเมตร จำนวน 28 หมู่บ้าน โดยบริษัทฯ ต้องจ่ายเงินสมทบในอัตราร้อยละ 3 ของค่าภาคหลวงแร่ที่ชำระในแต่ละปี แต่ต้องไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาทต่อปี ตลอดระยะเวลาที่มีการประกอบการ

โอกาสนี้ นายนิพล ผมน้อย กำนันตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า “หลังจากที่อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนแล้ว ทางเราจะรีบทำหลักเกณฑ์ข้อกำหนดเงื่อนไข เพื่อให้สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์และรัดกุมสามารถตรวจสอบได้ และให้เกิดความสะดวกคล่องตัว ทั้งนี้ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนรอบพื้นที่เหมืองในระยะรัศมี 3 กิโลเมตร”

สำหรับหนึ่งในโครงการในชุมชนที่หวังจะได้รับการส่งเสริมจากกองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมืองแร่ คือ กลุ่มแม่บ้านทำน้ำพริกเครื่องแกง โดยนายสมชาย แหลมนาค ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ตำบลท้ายดง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่าทางหมู่บ้านได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำพริกเครื่องแกงให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น จึงได้เตรียมแผนการขยายเครือข่ายเพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับครอบครัวและชุมชน”

นายเชิดศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “อัคราให้ความสำคัญในการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้ประกาศรับสมัครชาวบ้านเข้าทำงานที่เหมือง และในวันนี้ที่ช่วยผลักดันผ่านความเห็นชอบของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ให้ชุมชนมีบทบาทในการบริหารกองทุนมากขึ้น ซึ่งเราหวังอย่างยิ่งว่ากองทุนเหล่านี้จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการพัฒนาชุมชนต่อไป”