Search

BLOG

HOME > Knowledge Blog

ป่าทุกผืนมีค่า พาเจาะลึก ‘แนวกันไฟ’ หัวใจสำคัญของการป้องกันไฟป่า

เจาะลึกทุกเรื่องเกี่ยวกับไฟป่า พร้อมเข้าใจถึงสาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางการป้องกันไฟป่าที่เป็นหัวใจสำคัญอย่าง ‘แนวกันไฟ’ เพื่อปกป้องผืนป่าที่สวยงามของเราให้คงอยู่ต่อไป
‘แนวกันไฟ’ หัวใจสำคัญของการป้องกันไฟป่า

เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง หนึ่งในภัยเงียบที่หลายพื้นที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดก็คือ ‘ไฟป่า’ ภัยธรรมชาติที่มักปรากฏเป็นเปลวเพลิงสีส้มลุกลามไปทั่วผืนป่าอย่างรวดเร็ว แม้จะดูห่างไกลจากชีวิตในเมืองใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้วไฟป่าสามารถส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อธรรมชาติ ระบบนิเวศ เศรษฐกิจ ตลอดจนสุขภาพของมนุษย์ได้โดยที่เราอาจคาดไม่ถึง ดังนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันไฟป่าจึงเป็นเรื่องที่เราทุกคนควรตระหนักรู้ให้เท่าทัน เพื่อเตรียมรับมือกับภัยนี้อย่างมีประสิทธิภาพ 

โดยหนึ่งในแนวทางการป้องกันไฟป่าที่ได้รับการยอมรับและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย คือ การทำ ‘แนวกันไฟ’  ซึ่งเปรียบเสมือนปราการด่านแรกในการสกัดกั้นและชะลอการลุกลามของไฟ ช่วยลดความเสียหายจากไฟป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักแนวทางป้องกันนี้กันแบบเจาะลึก พร้อมทำความเข้าใจว่าไฟป่าเกิดจากอะไร รวมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อระบบนิเวศ เพื่อสร้างความตระหนักในการดูแลผืนป่าให้ปลอดภัยและยั่งยืนต่อไป

ไฟป่า… เพลิงทะเลสีส้มอันร้อนแรง มีสาเหตุเกิดจากอะไร ส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตอย่างไรบ้าง ? 

‘ไฟป่า’ เป็นปรากฏการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้จากทั้งสาเหตุทางธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ ในกรณีของธรรมชาติ ไฟป่าอาจเกิดจากฟ้าผ่าหรือสภาพอากาศที่แห้งแล้งร่วมกับลมแรง ซึ่งเอื้อต่อการเกิดประกายไฟและการลุกลามของเพลิงอย่างรวดเร็ว ขณะที่สาเหตุจากมนุษย์ส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่ขาดการควบคุม เช่น การเผาไร่เผาหญ้า การทิ้งก้นบุหรี่ในพื้นที่ป่า การก่อกองไฟขณะตั้งแคมป์โดยไม่ดับให้สนิท รวมถึงการกระทำอื่น ๆ ที่สามารถก่อให้เกิดประกายไฟในสภาพแวดล้อมที่ไวต่อการติดไฟ 

ไฟป่า… เพลิงทะเลสีส้มอันร้อนแรง มีสาเหตุเกิดจากอะไร ส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตอย่างไรบ้าง

เมื่อไฟป่าปะทุขึ้น ผลกระทบจากเปลวเพลิงไม่เพียงจำกัดอยู่แค่บริเวณผืนป่าที่ถูกเผาไหม้ แต่ยังอาจสร้างผลเสียตามมาอีกมากมาย เช่น

  • ความเสียหายต่อระบบนิเวศ ไฟป่าคือหนึ่งในสาเหตุหลักของการทำลายถิ่นอาศัยของสัตว์ป่า ทั้งสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ รวมถึงแมลง สิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ต้นไม้และพืชพรรณจำนวนมากที่มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ
  • มลพิษทางอากาศและสุขภาพ เพราะควันจากไฟป่าประกอบด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยเฉพาะ PM2.5 ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ และเพิ่มความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับปอดและหัวใจ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเรื้อรังหรือผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
  • ความเสียหายทางเศรษฐกิจ นอกจากการสูญเสียทรัพยากรป่าไม้รวมถึงความเสียหายต่อพื้นที่เกษตรกรรมแล้ว ไฟป่ายังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการคมนาคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 
  • การปล่อยก๊าซเรือนกระจก เมื่อเกิดไฟป่า ผลกระทบที่ตามมาคือกลุ่มก้อนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมหาศาลจากต้นไม้ที่ถูกเผาไหม้ ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกหลักที่เร่งให้เกิดภาวะโลกร้อน หากเกิดไฟป่าซ้ำซากในพื้นที่เดิมจะยิ่งเพิ่มปริมาณคาร์บอนให้สะสมในชั้นบรรยากาศ และอาจส่งผลต่อสมดุลของสภาพภูมิอากาศในระยะยาว 

แนวกันไฟ ปราการด่านสำคัญในการป้องกันไฟป่า

‘แนวกันไฟ’ คือหนึ่งในวิธีการป้องกันไฟป่าที่มีประสิทธิภาพ สร้างขึ้นเพื่อหยุดยั้งหรือลดความรุนแรงจากการลุกลามของไฟ โดยการตัดวงจรของเชื้อเพลิงตามธรรมชาติไม่ให้ไฟสามารถเคลื่อนตัวผ่านไปยังพื้นที่อื่นได้ จึงเปรียบเสมือนปราการด่านหน้าของป่าไม้ที่คอยทำหน้าที่คุ้มกันภัยจากเปลวเพลิง 

โดยแนวกันไฟทำงานบนหลักการพื้นฐานง่าย ๆ คือ “เมื่อไม่มีเชื้อเพลิง ไฟก็ไม่สามารถลุกลามได้” ซึ่งเชื้อเพลิงในธรรมชาติที่ไฟป่าต้องพึ่งพาอย่างหญ้าแห้ง ใบไม้ กิ่งไม้ เศษไม้ หรือพืชพรรณที่ติดไฟง่าย หากถูกกำจัดเป็นบริเวณกว้าง พื้นที่ตรงบริเวณนั้นก็จะกลายเป็นแนวกันไฟ เมื่อเปลวไฟมาเจอกับพื้นที่ที่ไม่มีเชื้อเพลิง ไฟจึงหยุดหรือชะลอความเร็วลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านมีโอกาสเข้าควบคุมหรือดับไฟได้ทันก่อนจะลุกลามจนเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง

แนวกันไฟ ปราการด่านสำคัญในการป้องกันไฟป่า

ด้วยเหตุนี้ แนวกันไฟจึงมีบทบาทสำคัญทั้งในแง่ของการ ‘ป้องกันก่อนเกิดเหตุ’ และ ‘บรรเทาผลกระทบหลังเกิดเหตุ’ ทำให้แนวกันไฟกลายเป็นมาตรการพื้นฐานที่จำเป็นในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า โดยสามารถจำแนกแนวกันไฟในประเทศไทยได้ตามวิธีการจัดการและลักษณะของพื้นที่ ดังนี้

1. แนวกันไฟวิธีกล เป็นแนวกันไฟที่ถูกสร้างโดยแรงงานคนหรือเครื่องจักรในการกำจัดพืชแห้ง วัชพืช เศษไม้ใบไม้ เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นแนวปลอดเชื้อเพลิง เพื่อหยุดการลุกลามของไฟป่า เหมาะสำหรับพื้นที่ที่เข้าถึงง่าย แต่อาจต้องดูแลรักษาเป็นประจำ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้พืชอาจกลับมาเติบโตและเป็นเชื้อเพลิงใหม่ได้อีกครั้ง

2. แนวกันไฟแบบใช้พืชเขียว หนึ่งในวิธีการป้องกันไฟป่าที่ทำได้โดยการปลูกพืชที่มีความชื้นสูงและเขียวชอุ่มตลอดปี เช่น หญ้าแฝกหรือพืชตระกูลถั่ว เพื่อทำหน้าที่เป็นแนวกันไฟธรรมชาติ เนื่องจากพืชเหล่านี้ติดไฟยากและยังช่วยป้องกันการพังทลายของดิน จึงเหมาะกับพื้นที่ลาดชันหรือพื้นที่ดินเสื่อมโทรม 

3. แนวกันไฟแบบใช้วิธีให้น้ำ ซึ่งเป็นวิธีที่คล้ายกับวิธีใช้พืชเขียว เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องปลูกพืชขึ้นใหม่ แต่เป็นการให้น้ำแก่พืชที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ เพื่อให้พืชที่ปกคลุมแนวดังกล่าวคงความเขียวชอุ่มชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้พื้นที่มีโอกาสติดไฟน้อยลง โดยอาศัยการติดตั้งระบบรดน้ำ หรือการจัดระบบชลประทานให้มีน้ำไหลผ่านแนวกันไฟนี้

4. แนวกันไฟแบบใช้สารเคมี เป็นการพ่นสารเคมีเพื่อกำจัดวัชพืช หรือทำให้เชื้อเพลิงในพื้นที่ไม่สามารถลุกติดไฟได้ง่าย ทั้งนี้ การใช้สารเคมีเป็นวิธีการป้องกันไฟป่าที่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้

5. แนวกันไฟแบบเผาเชื้อเพลิง เป็นวิธีการเผาเชื้อเพลิงล่วงหน้าในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อไฟป่า โดยควบคุมทิศทางและความแรงของไฟอย่างรัดกุม ทั้งนี้ ต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ด้านการจัดการไฟป่าและต้องมีมาตรการควบคุมเป็นอย่างดีเท่านั้น

6. แนวกันไฟธรรมชาติ คือแนวกันไฟที่เกิดจากลักษณะทางภูมิประเทศหรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่ติดไฟ เช่น ลำห้วย หน้าผา ทางถนนที่ไร้เชื้อเพลิง หรือทุ่งโล่ง ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นแนวป้องกันไฟป่าได้ทันทีโดยไม่ต้องดัดแปลง

โครงการแนวกันไฟจากอัครา ความมุ่งมั่นเพื่อผืนป่า 

อัคราให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการป้องกันไฟป่า ซึ่งอัคราได้ร่วมสนับสนุนโครงการสร้างแนวกันไฟในพื้นที่ป่าชุมชนรอบเหมือง ในจังหวัดพิจิตรและเพชรบูรณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างตัวอย่างของการบูรณาการระหว่างภาคเอกชนกับชุมชนในการดูแลทรัพยากรป่าไม้ร่วมกัน ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2568 อัคราได้ร่วมกับชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่นดำเนินโครงการแนวกันไฟในพื้นที่ป่าชุมชนรวม 10 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 4,881 ไร่ ซึ่งสามารถปกป้องต้นไม้ได้มากถึง 976,200 ต้น นอกจากนี้ ยังร่วมเก็บเศษใบไม้ได้กว่า 3,500 กิโลกรัม ซึ่งได้นำไปใช้ผลิตเป็นปุ๋ยหมักสำหรับการปลูกต้นไม้ในฤดูฝนต่อไป อัครายังสนับสนุนอุปกรณ์ดับไฟป่าให้แก่ป่าชุมชน รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ มูลค่ารวมกว่า 188,000 บาท เพื่อเสริมศักยภาพในการเฝ้าระวังและรับมือไฟป่าอย่างมีประสิทธิภาพ

เรื่องเล่าจากพื้นที่ พลังแห่งความร่วมมือปกป้องผืนป่า

อัคราดำเนินโครงการสร้างแนวกันไฟในป่าชุมชนโดยอาศัยความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่อัครา เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และชาวบ้านในพื้นที่ที่พร้อมใจกันเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งอาสาสมัครทุกคนต่างมีภารกิจร่วมกัน คือ การสร้างแนวกันไฟสองด้าน และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ บรรดาอาสาสมัครได้เล่าถึงประสบการณ์และความประทับใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ โดยเฉพาะความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ และร่วมสร้างจิตสำนึกในการดูแลรักษาผืนป่าให้อยู่คู่กับชุมชนต่อไป 

“แนวทางกันไฟนี้จะมีประโยชน์ในพื้นที่ป่าชุมชน เพื่อป้องกันไฟที่จะเข้ามาในพื้นที่ป่ารอบนอก โดยเราจะมีเฉวียนสำหรับจัดเก็บเศษใบไม้ต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากลดปริมาณเชื้อเพลิงที่อาจก่อให้เกิดไฟป่าแล้ว ส่วนนี้ยังสามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยสำหรับการปลูกต้นไม้ในฤดูฝนได้อีกด้วย”

– นพรัตน์ ทองมาก (เจ้าหน้าที่ป่าไม้)

“รู้สึกประทับใจ ที่พอได้ทำไปแล้วก็มองเห็นป่าที่เราเคยปลูกไว้เมื่อปีที่แล้วเจริญงอกงาม แล้วมาวันนี้เราก็นำผลลัพธ์ที่ได้มาทำเป็นแนวกันไฟ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเผาไหม้ ลุกลามจากไฟป่า”

– วิชาญ คุ้มคูณ (พนักงานฝ่ายชุมชนสัมพันธ์และการพัฒนา)

“การเข้าร่วมโครงการสร้างแนวกันไฟ ถือเป็นการสนับสนุนการไม่เผา เพราะปัจจุบันนี้ ทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญของการรณรงค์ไม่เผาป่า ในฐานะที่เป็นประธานชุมชน ผมก็ดูแลป่าเขานี้มาตลอด จากที่เมื่อก่อนก็มักมีคนมาลักตัดไม้อยู่เป็นประจำ ตอนนี้มีปัญหาไฟป่าเข้ามาอีก หากเราไม่ร่วมมือร่วมใจกันปกป้อง ตอนหน้าคงไม่เหลือผืนป่าให้ลูกหลานได้เห็น”

– ชำนาญ อินตะมะ (ประธานป่าชุมชน)

‘แนวกันไฟ’ จะเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญในการรับมือไฟป่า

แม้ว่า ‘แนวกันไฟ’ จะเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญในการรับมือไฟป่า แต่การป้องกันไฟป่าที่แท้จริงเริ่มต้นจากจิตสำนึกของพวกเราทุกคน เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ไฟป่าหลายครั้งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมเล็ก ๆ ของมนุษย์ การสร้างความเข้าใจว่าทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการป้องกันไฟป่าได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร นักท่องเที่ยว หรือแม้แต่ผู้ที่สัญจรผ่านพื้นที่ป่า ทุกคนล้วนมีบทบาทร่วมกันในการช่วยลดการเผา และหากพบเห็นกลุ่มควันหรือไฟลุกไหม้ในพื้นที่ป่า สามารถแจ้งเหตุได้ทันทีผ่านสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 

ในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ อัคราจึงมุ่งมั่นในการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการรักษาทรัพยากรป่าไม้ เพราะเราเชื่อว่า “ทุกผืนป่ามีคุณค่า” และการป้องกันไฟป่าไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่คือภารกิจร่วมของทุกคนที่ต้องช่วยกันโอบอุ้มและรักษาทรัพยากรป่าไม้ของไทยไว้ให้คงอยู่สืบไป 

@2024 AKARA RESOURCES COPYRIGHTED