ทองคำเป็นโลหะล้ำค่าที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์มนุษยชาติมาอย่างยาวนาน ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องประดับอันงดงาม แต่ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าและมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก การเดินทางของทองคำจากใต้พื้นพิภพสู่มือของเรานั้นต้องผ่านอุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 10 เหมืองแร่ทองคำชื่อดังทั่วโลกที่มีบทบาทสำคัญในการผลิตทองคำของโลกเราว่ามีที่ไหนบ้าง
เปิดทำเนียบ 10 เหมืองทองคำชื่อดังทั่วโลกที่คุณควรรู้จัก
1. กลุ่มเหมืองทองเนวาดา Nevada Gold Mines (NGM)
หนึ่งในแหล่งที่พบแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือกลุ่มเหมืองขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในรัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกาท่ามกลางเนินทรายของเนวาดา โดยเกิดจากการผนึกกำลังร่วมกันในปี 2019 ของเหมืองยักษ์ใหญ่ในพื้นที่ซึ่งดำเนินการโดย Newmont Corporation และ Barrick Gold จนขึ้นแท่นเป็นกลุ่มเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในรูปแบบเหมืองเปิดขนาดมหึมา 12 แห่ง และมีเครือข่ายอุโมงค์เหมืองใต้ดินสุดซับซ้อนอีก 10 แห่ง โดยเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมามีปริมาณการผลิตสูงถึง 2.69 ล้านออนซ์ และปริมาณสำรองที่สำรวจปี 2024 ก็ยังสูงถึง 26.6 ล้านออนซ์

2. เหมืองทองมูรันเทา (Muruntau Mine)
ข้ามทวีปมายังดินแดนอุซเบกิสถาน ณ ทะเลทรายคีซิลคุม หนึ่งในทะเลทรายที่กว้างใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียกลาง คืออีกหนึ่งแหล่งที่พบแร่ทองคำขนาดมหึมาและเป็นที่ตั้งของเหมืองทองมูรันเทา (Muruntau Mine) ซึ่งเป็นเหมืองทองคำแบบเปิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อวัดจากพื้นที่ ดำเนินการโดย NMMC (Navoi Mining and Metallurgical Company) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของประเทศอุซเบกิสถาน ในแต่ละปีมีปริมาณการผลิตเฉลี่ย 2 ล้านกว่าออนซ์ โดยในปี 2024 สามารถผลิตได้ถึง 2.67 ล้านออนซ์ โดยมีปริมาณสำรองสูงถึง 150 ล้านออนซ์

3. เหมืองทองกราสเบิร์ก (Grasberg Mine)
พื้นที่ภูเขาสูงและห่างไกลของจังหวัดปาปัวกลาง ประเทศอินโดนีเซีย คือที่ตั้งของเหมืองทองกราสเบิร์ก (Grasberg) ที่ไม่เพียงเป็นแหล่งที่พบแร่ทองคำอันดับต้น ๆ ของโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งขุมทรัพย์ของแร่ธรรมชาติอย่างทองแดงในปริมาณมหาศาล จนได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเหมืองทองที่ยิ่งใหญ่ มีมูลค่าสูง และเป็นเหมืองที่มีทองแดงมากที่สุดในโลก ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท PT Freeport Indonesia ที่จากเดิมทำเหมืองบนพื้นผิว ก่อนจะเปลี่ยนมาทำเหมืองใต้ดินอย่างเต็มรูปแบบในปัจจุบัน ซึ่งมีความซับซ้อนและขนาดใหญ่มาก จากรายงานในแต่ละปีมีปริมาณการผลิตเฉลี่ย 1.7 ล้านกว่าออนซ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2023 ผลิตทองคำได้ถึง 1.86 ล้านออนซ์ และผลิตทองแดงได้ถึง 1.5 พันล้านปอนด์

CR : https://polyus.com/en/operations/operating_mines/olimpiada/
4. เหมืองทองโอลิมปิอาด้า (Olimpiada)
ลัดฟ้าสู่ดินแดนไซบีเรียตะวันออกบนพื้นที่ห่างไกลของเขตครัสโนยาร์ค ไกร ประเทศรัสเซีย ที่นั่นคือที่ตั้งของเหมืองทองโอลิมปิอาด้า หัวใจหลักในการผลิตทองคำของบริษัท Polyus ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย โดยเหมืองแบบเปิดแห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่ขนาด แต่ยังโดดเด่นด้วยการใช้เทคโนโลยี BIONORD® กรรมสิทธิ์ของบริษัท Polyus ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชีวภาพในการออกซิไดซ์ (Bio-oxidation) ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับแร่ทองคำซัลไฟด์ที่สกัดยากโดยเฉพาะ
ด้วยกำลังการผลิตที่สูงประมาณ 1.48 ล้านออนซ์ ในปี 2024 และปริมาณสำรองที่สำรวจในปี 2023 ประมาณรวมอยู่ที่ 32.4 ล้านออนซ์ จึงทำให้อุตสาหกรรมเหมืองทองโอลิมปิอาด้าของรัสเซียเป็นหนึ่งในเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมอย่างแท้จริง

5. เหมืองทองปวยโบล วิเอโฮ (Pueblo Viejo)
บินข้ามมหาสมุทรมายังทะเลแคริบเบียน ที่สาธารณรัฐโดมินิกันคือที่ตั้งของอุตสาหกรรมเหมืองทองปวยโบล วิเอโฮ ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคละตินอเมริกา เมื่อวัดจากปริมาณการผลิตต่อปี และยังเป็นหนึ่งในเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ใช้เทคโนโลยี Autoclaves หรือการออกซิเดชันด้วยความดันในการแปรรูปแร่ทองคำซัลไฟด์ที่สกัดยากแทน ซึ่งต่างจากเหมืองที่รัสเซียที่ใช้แบคทีเรียกินแร่ (Bio-oxidation) มากกว่านั้นที่เหมืองนี้ยังมีเครื่อง Autoclave ขนาดใหญ่ถึง 4 เครื่อง ทำให้ในปี 2023 สร้างกำลังการผลิตได้ถึง 586,000 ออนซ์ และมีปริมาณสำรองอีก 12 ล้านออนซ์เลยทีเดียว ซึ่งผลลัพธ์ที่น่าจับตามองนี้เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง Barrick Gold และ Newmont Corporation 2 ยักษ์ใหญ่แห่งกลุ่มเหมืองทองเนวาดานั่นเอง

CR : https://www.exp.com/experience/detour-lake-mine/
6. เหมืองทองดีทัวร์ เลค (Detour Lake)
ดาวเด่นแห่งวงการทองคำแคนาดาที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งป่าสนและทะเลสาบ คือเหมืองทองดีทัวร์ เลค ที่รัฐออนแทรีโอ ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของ Agnico Eagle Mines ที่นี่คือเหมืองทองคำแบบเปิดขนาดใหญ่ที่ผลิตได้มากที่สุดของแคนาดา โดยในปี 2024 สร้างกำลังการผลิตได้ราวๆ 672,000 ออนซ์ และมีปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วถึง 19.1 ล้านออนซ์ ด้วยตัวเลขนี้จึงคำนวณได้ว่าสามารถทำเหมืองต่อไปได้อีกอย่างน้อย 30 ปี หรือจนถึงช่วงปี 2050 อีกทั้งจากการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายสู่การทำเหมืองใต้ดิน เพื่อปลดล็อกศักยภาพของแหล่งแร่ที่มีปริมาณสำรองมากที่สุดในแคนาดา ด้วยเป้าหมายการผลิตที่อาจสูงถึง 1 ล้านออนซ์ต่อปีในอนาคต อุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำของดีทัวร์ เลค จะเป็นดาวเด่นที่น่าจับตามองไม่น้อยเลย

7. เหมืองทองคิบาลี (Kibali)
อัญมณีแห่งแอฟริกากลางกับเหมืองทองคิบาลี จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) เคยครองตำแหน่งเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา แม้ล่าสุดในปี 2024 จะตกลงมาอยู่อันดับ 3 เพราะกำลังการผลิตที่ลดลงชั่วคราว แต่ยังติดอันดับท็อป 10 เหมืองทองของโลกเสมอ (วัดจากปริมาณการผลิตทองคำต่อปี) ซึ่งเป็นผลงานการร่วมทุนของ Barrick Gold AngloGold Ashanti และ SOKIMO ที่ผสมผสานทั้งการทำเหมืองเปิดและเหมืองใต้ดิน
แต่สิ่งที่ทำให้เหมืองแห่งนี้โดดเด่น ได้รับการยอมรับอย่างสูงและถูกยกให้เป็นต้นแบบของ ‘เหมืองแห่งอนาคต’ นั่นเป็นเพราะการนำเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างโรงไฟฟ้าพลังน้ำและฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง อีกทั้งระบบอัตโนมัติควบคุมกระบวนการผลิตและจัดการไฟฟ้าในโรงงาน จึงทำให้เหมืองแร่ทองคำคิบาลีแห่งนี้เป็นต้นแบบของเหมืองที่เน้นความยั่งยืนและประสิทธิภาพสูงสุดให้กับเหมืองแร่ทั่วโลก ในขณะที่ตัวเหมืองยังสามารถสร้างกำลังการผลิตได้สูงราวๆ 687,000 ออนซ์ บวกกับปริมาณสำรองทองคำที่พิสูจน์แล้วและน่าจะเป็นไปได้อยู่ที่ประมาณ 10.15 ล้านออนซ์

8. เหมืองทองบอดดิงตัน (Boddington)
เรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่แห่งแดนจิงโจ้สำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำบอดดิงตันในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย เพราะเป็นหนึ่งในเหมืองทองคำแบบเปิดที่ผลิตได้มากที่สุดของประเทศ และยังผลิตทองแดงเป็นผลพลอยได้อีกด้วย แม้จะไม่เท่ากับที่กราสเบิร์กก็ตาม
บอดดิงตันไม่เพียงมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมทองคำของออสเตรเลียเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลกที่สามารถผลิตทองคำได้ถึง 698,000 ออนซ์ ในขณะที่ปริมาณสำรองอยู่ที่ราวๆ 12.33 ล้านออนซ์ และยังเป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยีขั้นสูงด้านยานยนต์อัตโนมัติ เรียกได้ว่าเป็นเหมืองทองคำแห่งแรกของโลกที่ใช้กองทัพรถบรรทุกไร้คนขับ! ซึ่งผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ Newmont Corporation นั่นเอง

CR : https://www.goldfields-southdeep.co.za/
9. เหมืองทองเซาท์ดีป (South Deep)
ตำนานเหมืองลึกสุดขอบโลกในวงการอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำของประเทศแอฟริกาใต้ นับเป็นดินแดนที่มีประวัติศาสตร์การทำเหมืองทองคำอันยาวนาน ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเหมืองทองคำใต้ดินที่ลึกเป็นอันดับ 2 ของโลก ติดท็อปเหมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก! และมีปริมาณทองคำสำรองมหาศาลซ่อนอยู่ใต้พื้นโลก แต่ที่คาดการณ์จากการสำรวจเหมืองเซาท์ดีปมีปริมาณสำรองสูงถึง 30.6 ล้านออนซ์
แม้การทำเหมืองในระดับความลึกราวๆ 2,995 เมตร จะเต็มไปด้วยความท้าทายทางวิศวกรรม แต่เหมืองทองเซาท์ดีปที่ดำเนินการโดยบริษัท Gold Fields ก็ยังคงเป็นผู้ผลิตสำคัญและพร้อมก้าวผ่านความท้าทายนี้ ด้วยอายุอานามของเหมืองที่คาดการณ์ว่าจะยาวนานไปอีกหลาย 10 ปี (ถึงปี 2096) วัดจากตัวเลขในปี 2023 ที่ผลิตทองคำได้ราว 322,000 ออนซ์เลยทีเดียว

CR : https://www.goldfields.com/reports/rr_2009/tech_tarkwa.php
10. เหมืองทองทาร์ควา (Tarkwa)
ปิดท้ายกันที่เหมืองทองทาร์ควาในประเทศกานา หรือ ‘หัวใจทองคำแห่งแอฟริกาตะวันตก’ เป็นเสมือนฉายาที่สื่อถึงประเทศกานา ในฐานะประเทศผู้ผลิตทองคำรายใหญ่และมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นสินทรัพย์หลักของบริษัท Gold Fields เช่นเดียวกับเหมืองทองเซาท์ดีป ความน่าสนใจของเหมืองทองคำแห่งนี้คือวิธีการสกัดทองคำแบบกอง (Heap Leaching) ที่มีขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก ด้วยปริมาณการผลิตทองคำราว 551,000 ออนซ์ ในปี 2023 โดยมีปริมาณแร่สำรองทองคำ (ตามสัดส่วนการถือหุ้น) อยู่ที่ 4.35 ล้านออนซ์
เหมืองทองชาตรี เหมืองทองแห่งเดียวของไทย

เมื่อพูดถึงอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำระดับโลกแล้ว จะไม่กล่าวถึงประเทศไทยก็คงไม่ได้ นั่นก็คือ ‘เหมืองทองชาตรี’ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่บนรอยต่อ 3 จังหวัด คือ พิจิตร เพชรบูรณ์และพิษณุโลก ถือเป็นเหมืองทองคำแห่งเดียวของไทยและเป็นเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมทองคำของไทย
ด้วยเพราะเหมืองทองชาตรีเป็นเหมืองแบบเปิด (Open-pit Mining) ที่มีกำลังการผลิต (Nameplate Capacity) สูงถึง 5,000,000 ตันต่อปี โดยอัคราให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่ได้มาตรฐานสากล นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสำรวจ ขุดเจาะ สกัดแร่ ไปจนถึงการฟื้นฟูพื้นที่หลังการทำเหมือง ควบคู่ไปกับการดูแลรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด เหมืองทองชาตรีจึงไม่เพียงเป็นแหล่งผลิตทองคำที่สำคัญ แต่ยังเป็นต้นแบบของการทำเหมืองแร่ที่ยั่งยืนในประเทศไทยอีกด้วย
จากข้อมูล 10 อุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำชื่อดังและใหญ่ที่สุดในโลกเหล่านี้ที่เราได้นำมาฝากกัน ล้วนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมทองคำอันกว้างใหญ่ไพศาลทั่วโลก ที่ยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตอบสนองความต้องการทองคำในหลากหลายมิติ ซึ่งอัคราในฐานะผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำเหมืองทองแห่งเดียวของไทย เราพร้อมที่จะเป็นผู้นำที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจ ยกระดับทองไทยจากต้นน้ำถึงปลายน้ำให้ได้คุณภาพระดับสากล สร้างแต้มต่อและมูลค่าเพิ่มในเวทีโลก และดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมโดยนำเทคโนโลยีระดับโลกที่ทันสมัยและแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศมาใช้ในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าขุมทรัพย์ใต้พิภพนี้จะยังคงสร้างคุณค่าควบคู่ไปกับการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป