บ่อกักเก็บกากแร่ การจัดการอย่างยั่งยืนระดับมาตฐานสากล NDEP

Master K จะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ “บ่อกักเก็บกากแร่แห่งที่ 2” (Tailings Storage Facility 2 หรือ TSF2) หนึ่งในสถานที่ที่เปรียบเสมือนจุดศูนย์รวมความหลากหลายทางชีวภาพภายในเหมืองของเรา 💙💛 มีอะไรอยู่ใน TSF2? ไปร่วมหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลย

รู้จัก 5 หินแร่ใกล้ตัว ที่คุณอาจไม่รู้ว่ามีประโยชน์มากมาย!

รอบตัวเราเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น หนึ่งในนั้นคือ ‘หินและแร่’ วัตถุดิบธรรมชาติที่อยู่คู่กับโลกเรามาเนิ่นนาน แต่รู้หรือไม่ว่า… หินและแร่ใกล้ตัวที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้มีความสำคัญและมีประโยชน์มากกว่าที่คิด! ที่เหมืองแร่ทองคำชาตรี เราจึงอยากชวนทุกท่านไปทำความรู้จักกับโลกของหินและแร่ใกล้ตัวรอบเหมืองทอง ว่ามีหินอะไรบ้าง หินแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง หรือแม้กระทั่งหินแร่ทองคำ อยู่ในหินอะไร มาตามหาคำตอบกันได้ที่นี่

เรื่องราวของหินและแร่คืออะไร เกิดมาจากอะไรกันนะ ?หินและแร่นั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญของเปลือกโลก เป็นแหล่งกำเนิดของทรัพยากรธรรมชาติและเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอีกด้วย โดยหินและแร่นั้นแตกต่างกัน ดังนี้

  • แร่ เกิดจากกระบวนทางธรณีวิทยา ที่เกี่ยวข้องกับการรวมตัวของธาตุต่าง ๆ ในเปลือกโลก เช่น การตกผลึกของแมกมา การตกตะกอนในน้ำ หรือการเปลี่ยนแปลงของแร่เดิมจากแรงดันและอุณหภูมิสูง
  • หิน เกิดจากการรวมตัวกันของแร่ตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้นไป ผ่านกระบวนการทางธรณีวิทยาอันยาวนาน ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลักได้แก่ หินอัคนี (Igneous rocks) ที่เกิดจากการเย็นตัวของแมกมาใต้ผิวโลก หรือลาวาที่ถูกพ่นออกมา, หินตะกอน (Sedimentary rocks) ที่เกิดจากการสะสมและทับถมร่วมกันของตะกอนหินแร่ต่าง ๆ และหินแปร (Metamorphic rocks) ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายใต้ความร้อนและแรงดันมหาศาลทำให้หินและแร่ปรับตัวและตกผลึกกลายเป็นหินใหม่ ๆ 

นอกจากนี้ กระบวนการเกิดหินและแร่เหล่านี้สามารถเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนเวียนตามกาลเวลาจนกลายเป็นวัฏจักรของหิน (Rock Cycle) และทำให้เกิดเป็นหินประเภทอื่น ๆ ได้ตามเวลาและตามสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น ดังนั้นหินและแร่เหล่านี้จึงมีความสำคัญทางธรณีวิทยาที่ช่วยให้เราสามารถเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวโลกและแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในช่วงเวลาต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อมนุษย์นั่นเอง

พาตะลุยรอบเหมือง ! กับ 5 หินและแร่ที่สามารถพบเจอได้ใกล้เหมือง… จะมีหินแร่ชนิดไหนบ้าง ?

1. แคลไซต์ (Calcite)

แร่แคลไซต์ แร่แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO₃)

ลักษณะ: แร่แคลไซต์เป็นแร่แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO₃) ที่พบได้ในหินปูน หินชอล์ก หรือหินแปรชนิดต่าง ๆ มีลักษณะเป็นผลึกใสหรือขุ่น สีขาวหรือเหลืองอ่อน โดยมักจะมีลักษณะเป็นแผ่นบางหรือผลึกสามเหลี่ยม ซึ่งหากนำกรดเกลือมาหยดลงหินแร่แคลไซต์ หินจะทำปฏิกิริยาเกิดเป็นฟองฟู่ขึ้นมา นอกจากนี้ แร่แคลไซต์สามารถเกิดเป็นสายแร่แคลไซต์ (Calcite vein) ตัดแทรกเข้าไปในหินชนิดต่าง ๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น หินแร่แคลไซต์ที่เหมืองทองคำชาตรี เกิดร่วมกับสายแร่ควอตซ์อุ้มสินแร่ทองคำที่ตัดแทรกเข้ามาในหินภูเขาไฟ 

ประโยชน์ของแร่แคลไซต์:

  • นำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตปูนซีเมนต์ เป็นส่วนประกอบหลักในหินปูนที่ใช้ในการสร้างอาคารและถนน
  • ใช้ในอุตสาหกรรมเคมี เพื่อผลิตแคลเซียมออกไซด์ (CaO) หรือที่ทั่วไปเรียกกันว่าปูนขาว
  • ใช้ในงานตกแต่ง เช่น เป็นหินอ่อนในการทำพื้นหรือแผ่นปูพื้น
  • ใช้ในการทำอุปกรณ์เกี่ยวกับกล้องจุลทรรศน์แบบ Polarizing microscope
  • เป็นแร่ที่สำคัญในการผลิตแสงเลเซอร์

2. แมกนีไทต์ (Magnetite)

แมกนีไทต์ (Magnetite)

ลักษณะ: แมกนีไทต์เป็นแร่เหล็กออกไซด์ (Fe₃O₄) ที่พบทั่วไปในหินอัคนีที่เกิดจากการตกผลึก มีลักษณะเป็นสีดำหรือสีเทาเข้ม มีคุณสมบัติทางแม่เหล็กที่สามารถดูดหรือถูกดูดโดยแม่เหล็กได้ จึงสามารถตรวจสอบหินแร่ชนิดนี้ได้ด้วยการนำแม่เหล็กมาทดสอบนั่นเอง ซึ่งหินแร่แมกนีไทต์นี้เป็นอีกหนึ่งสินแร่ที่สําคัญในวงการอุตสากรรมที่เกี่ยวข้องกับเหล็กและแม่เหล็ก

ประโยชน์ของแมกนีไทต์:

  • ใช้ในการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการถลุงเหล็ก
  • ใช้ในอุตสาหกรรมแม่เหล็กในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า
  • ใช้ในการทำแม่เหล็กและใช้ในงานวิจัยทางธรณีวิทยา

3. แร่ไพไรต์และสินแร่ทองคำ (Pyrite และ Gold Ore)

ความเหมือนที่แตกต่าง จนยากจะแยกออก… แร่ไพโรต์และสินแร่ทองคำเป็นหินแร่ที่เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย ด้วยลักษณะภายนอกที่คล้ายคลึงกันมากจนยากจะแยก จึงทำให้คนมักสับสนกันได้เสมอ โดยแร่ทั้ง 2 มีความแตกต่างกัน ดังนี้

แร่ไพไรต์ (Pyrite)

แร่ไพไรต์ (Pyrite)

ลักษณะ เป็นแร่ซัลไฟด์ที่ประกอบด้วยเหล็กซัลไฟด์ (FeS₂) มักพบอยู่ในลักษณะผลึกเป็นรูปลูกบาศก์ มีสีทองหรือเหลืองทองซึ่งมีความคล้ายคลึงกับทองคำมาก แต่เมื่อนำมาทดสอบด้วยการขูดกับดินเผาหรือกระเบื้อง จะให้ริ้วออกมาเป็นสีเขียวเข้ม หรือสีดำที่ดูเหมือนไม่มีคุณค่าเทียบเท่ากับทองคำ จึงมักถูกเรียกว่า ‘ทองคนโง่’ แต่ทั้งนี้แร่ไพไรต์นับเป็นสินแร่กำมะถันที่สำคัญโดยเป็นสารตั้งต้นของกรดกำมะถันนั่นเอง

ประโยชน์หินแร่ไพไรต์: 

  • ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ผลิตกรดซัลฟูริกและเป็นแหล่งของกำมะถัน
  • ใช้เป็นกรดตั้งต้นซึ่งใช้ในการทำสีย้อมและการทำหมึก
  • ทำยารักษาเนื้อไม้และยาฆ่าเชื้อโรค
  • ใช้เป็นส่วนประกอบของโซล่าเซลล์
  • ในบางประเทศที่หาแหล่งเหล็กออกไซด์ไม่ได้ แร่ไพไรต์จะถูกใช้เป็นแหล่งสินแร่เหล็ก 

สินแร่ทองคำ (Gold Ore)

สินแร่ทองคำ

ลักษณะสินแร่ทองคำ: หากถามว่าแร่ทองคําอยู่ในหินอะไร ต้องบอกว่าสามารถพบได้ในหินเกือบทุกชนิด โดยสินแร่ทองคำเป็นแร่ที่มีสีเหลืองวาวแบบโลหะ ลักษณะเป็นเกล็ดหรือก้อนกลม ซึ่งหากนำไปขูดกับกระเบื้องหรือดินเผาจะทิ้งริ้วสีเหลืองและมีลักษณะยืดเหนียว สำหรับการสกัดสินแร่ทองคำจะต้องใช้ความชำนาญผ่านกระบวนการทางเคมีและกายภาพเพื่อแยกทองคำออกมา ดังเช่น สินแร่ทองคำที่เกิดในแหล่งแร่ทองคำชาตรี คือ สายแร่ควอตซ์แคลไซต์ซัลไฟด์ที่อุ้มสินแร่ทองคำขนาดเล็ก (ไมครอน) ซึ่งตัดแทรกเข้ามาในหินตะกอนภูเขาไฟชนิดแอนดีไซต์ (Andesite) 

ประโยชน์สินแร่ทองคำ:

  • นำไปใช้ในการทำเครื่องประดับ ทำเหรียญและทองแท่งเพื่อเก็บรักษามูลค่าหรือลงทุนเป็นหลัก
  • ประกันในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 
  • ใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในวงการทันตแพทย์ เครื่องมือวิทยาศาสตร์ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ในอากาศยาน

4. ไม้กลายเป็นหิน (Petrified Wood)

ลักษณะไม้กลายเป็นหิน: เป็นหินที่มีลักษณะภายนอกเห็นเป็นเส้นริ้วๆ คล้ายลายไม้ ภายในมีสีหลากหลายสี โดยเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของแร่ธาตุภายใต้กระบวนการย่อยสลายของไม้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักเป็นแร่ธาตุซิลิกา (SiO₂) ที่เข้าไปแทนที่โครงสร้างของเซลล์ไม้อย่างช้า ๆ หลายร้อยปีจนเปลี่ยนโครงสร้างไม้ให้กลายเป็นหินได้ในที่สุด อีกทั้งสีสันที่หลากหลายในเนื้อไม้มาจากการมีแร่ธาตุผสมอยู่ เช่น สีเขียวหรือฟ้า ได้จากทองแดงหรือโครเมียม สีดำได้จากคาร์บอนหรือแมงกานีสออกไซด์ สีแดง เหลือง น้ำตาลได้จากเหล็กออกไซด์ เป็นต้น

ประโยชน์ไม้กลายเป็นหิน:

  • ใช้สำหรับตกแต่ง เช่น การทำเครื่องประดับหรือโมเดล
  • เป็นวัตถุดิบในงานวิจัยทางธรณีวิทยา เนื่องจากช่วยให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์ของโลก
  • ใช้ในงานวิจัยเกี่ยวกับพืชโบราณหรือฟอสซิล

5. แร่ควอตซ์ (Quartz)

ลักษณะแร่ควอตซ์

ลักษณะแร่ควอตซ์: ควอตซ์หรือชื่อภาษาไทยว่า หินเขี้ยวหนุมาน เป็นแร่ที่ประกอบด้วยซิลิกอนไดออกไซด์ (SiO₂) มีลักษณะเป็นแท่งยาวปลายแหลมทั้งหัวและท้าย แวววาวคล้ายแก้วแต่มีสีหลากหลาย ตั้งแต่สีใส สีขาวไปจนถึงสีม่วง สีชมพูหรือสีเหลืองได้ โดยเป็นหินแร่ที่เกิดจากการรวมตัวของแร่ที่ได้จากการผุพังของหินอัคนี ซึ่งแร่ควอตซ์นี้เป็นแร่ประกอบหินหลักในหินแทบทุกชนิด เช่น หินแกรนิต หินทราย และหินควอตซ์ไซต์ เป็นต้น

ประโยชน์แร่ควอตซ์:

  • ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การผลิตชิปคอมพิวเตอร์และเซลล์แสงอาทิตย์
  • ใช้ในการทำเครื่องประดับ เช่น พลอยควอตซ์, อเมทิสต์, และโรสควอตซ์
  • ใช้ในอุตสาหกรรมแก้วและวัสดุก่อสร้าง เช่น หินควอตซ์และกระเบื้อง
  • ใช้ทำเครื่องมือวิทยาศาสตร์และเครื่องมือทางแสง เช่น เลนส์ ปริซึมและกล้องจุลทรรศน์ชนิดพิเศษ

Master K EP.2 หินและแร่ หินธรรมดา… ที่ไม่ธรรมดา

Master K EP.2 (with ENG sub)

เห็นไหมว่า 5 หินแร่ที่เรากล่าวถึงข้างต้นล้วนมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และมีการใช้ประโยชน์ในหลากหลายแง่มุม ทั้งในด้านการก่อสร้าง การผลิตพลังงาน การทำเครื่องมือวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงการทำเครื่องประดับได้อีกด้วย เรียกได้ว่าโลกของหินและแร่ยังมีเรื่องราวและความมหัศจรรย์อีกมากมายที่รอให้เราค้นหาและเรียนรู้ มาเปิดใจและสัมผัสความงามของธรรมชาติรอบตัว แล้วคุณจะพบว่าหินและแร่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ก้อนหินธรรมดา แต่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ซ่อนคุณค่าและความลับเอาไว้มากมาย !

แหล่งอ้างอิง:
https://www.dmr.go.th/calcite
https://www.dmr.go.th/magnetite

บ่อน้ำสีฟ้า ไขข้อสงสัย ทำไมบ่อน้ำในเหมืองถึงมีสีฟ้า?

เคยสงสัยกันไหมครับว่า ทำไมน้ำในบ่อเหมืองถึงมีสีฟ้า มาร่วมหาคำตอบใน Master K EP.3 กันเลย 💙💛

EP.4 : รู้หรือไม่ว่า❓ ดินแต่ละพื้นที่นั้นมีค่าความอุดมสมบูรณ์ที่ต่างกัน

รู้หรือไม่ว่า❓ ดินแต่ละพื้นที่นั้นมีค่าความอุดมสมบูรณ์ที่ต่างกัน…ว่าแต่ค่าความอุดมสมบูรณ์ของดินวัดจากอะไร แล้ววัดยังไงกัน🌱 วันนี้ Master K จะมาแนะนำเราถึงวิธีตรวจเช็คความอุดมสมบูรณ์ของดิน🌿 เพื่อนำไปปรับใช้ในการเพาะปลูกของดินได้อย่างเหมาะสมต่อไป