เปิดความลับโลกเหมืองแร่! กับ “บ่อกักเก็บกากแร่” ที่ปลอดภัยและยั่งยืน

เคยสงสัยกันไหม… ว่ากากแร่ที่เหลือจากการทำเหมืองทองคำ เขาเอาไปเก็บไว้ที่ไหน ? วันนี้ Master K จะพาทุกท่านไปไขข้อข้องใจพร้อมเปิดโลก ‘บ่อกักเก็บกากแร่’ แห่งเหมืองทองอัคราอย่างใกล้ชิด ถึงระบบการจัดการที่ไม่ได้มีดีเพียงแค่การผลิตทองคำ แต่ยังให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชน ควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน

Master K EP.1 (with TH sub)

Master K พาคุณไปดูถึงที่! เห็นให้ชัดกับตาว่าบ่อกักเก็บกากแร่ของอัคราไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากแต่เป็นระบบที่ได้รับการออกแบบและสร้างมาอย่างดีเพื่อรองรับกากแร่ที่เหลือหลังจากการสกัดทองคำ ให้ปลอดภัยต่อทั้งคน สัตว์และสิ่งแวดล้อม

บ่อกักเก็บกากแร่ คืออะไร ทำไมเหมืองต้องมี ?

หากให้อธิบายง่าย ๆ ‘บ่อกักเก็บกากแร่’ (Tailings  Storage  Facility หรือ TSF) ก็คือบ่อขนาดใหญ่ที่เหมืองทองของเราออกแบบมาเป็นพิเศษร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการดูแลความปลอดภัย เพื่อใช้กักเก็บกากแร่ที่เหลือจากการสกัดทองคำ ซึ่งกากแร่เหล่านี้ไม่ใช่อะไรที่อันตราย เป็นเพียงดิน หิน ทรายและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ถูกบดละเอียดและผ่านกระบวนการแยกเอาสินแร่ทองคำออกไปแล้วนั่นเอง โดยกากแร่ดังกล่าวจะถูกส่งตรงมาจากโรงงานผ่านท่อเหล็กกล้าที่แข็งแรงในรูปของเหลวข้น ๆ คล้ายโคลน ซึ่งประกอบด้วยน้ำประมาณ 50% และกากแร่อีก 50%

คำถามต่อมาคือ… แล้วทำไมต้องมีบ่อแบบนี้ ? ก็เพื่อป้องกันไม่ให้กากแร่เหล่านี้ไปปนเปื้อนกับแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือฟุ้งกระจายไปในอากาศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพได้ เรียกได้ว่า ‘บ่อกักเก็บกากแร่’ คือหัวใจสำคัญของการทำเหมืองแร่อย่างมีความรับผิดชอบ

“น้ำ” ในบ่อคือพระเอก เพราะเรานำกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ 100%

ที่เหมืองทองอัคราน้ำที่อยู่ในบ่อกักเก็บกากแร่ไม่ได้ถูกปล่อยทิ้งไปไหน แต่จะถูกนำกลับมา Reuse หมุนเวียนใช้ในกระบวนการผลิตแบบ 100% ด้วยเทคโนโลยีการรีไซเคิลและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งก็คือเทคโนโลยี Zero Discharge (ZD) Closed Lock ซึ่งเป็นแนวคิดที่ออกแบบมาเพื่อบำบัดและนำน้ำที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่แทนการปล่อยทิ้งไปเป็นน้ำเสีย (0% discharge) ทำให้อัคราเราลดการใช้น้ำดิบได้มากถึง 307,679 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า ‘น้ำ’ ที่นี่ไม่ได้ไหลออกไปปนเปื้อนข้างนอกแน่นอน เรียกได้ว่าเป็นการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยต่อชุมชนและช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ได้อีกด้วย 

บ่อกักเก็บกากแร่ของอัครามีอะไร ทำไมถึงเป็นสีฟ้า ?

ในบ่อกักเก็บกากแร่ของอัครามีอะไร ทำไมถึงเป็นสีฟ้า ? อันตรายไหม !

หากสังเกตน้ำในบ่อกักเก็บกากแร่อาจปรากฏเป็นสีฟ้าอ่อน แต่อย่าเพิ่งกังวลไป! เพราะสีฟ้าอ่อนที่ทุกคนเห็นนั้นเป็นสีที่เกิดจากแร่ธาตุตามธรรมชาติที่ละลายอยู่ในน้ำ ไม่ใช่สารเคมีอันตรายแต่อย่างใด

สำหรับประเด็น ‘ไซยาไนด์’ ที่อาจเป็นข้อกังวล อัคราฯ ขอชี้แจงว่าไซยาไนด์ถูกนำมาใช้ในกระบวนการสกัดทองคำในปริมาณที่จำกัดและอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด โดยเมื่อไซยาไนด์อยู่ในบ่อกักเก็บกากแร่ สัมผัสกับแสงแดดและออกซิเจนจะเกิดการสลายตัวตามธรรมชาติกลายเป็นสารประกอบอื่นที่ไม่เป็นพิษ เช่น คาร์บอเนตและไนโตรเจน จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยของน้ำในบ่อกักเก็บกากแร่ของเรา

แน่นหนา ปลอดภัย ไร้กังวล ด้วยนวัตกรรมที่ได้มาตรฐานระดับสากล

ความปลอดภัยของบ่อกักเก็บกากแร่คือสิ่งที่อัคราให้ความสำคัญสูงสุด ที่นี่เราไม่ได้สร้างบ่อแบบธรรมดา ๆ แต่มีการออกแบบและก่อสร้างตามมาตรฐานสากล พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ผ่านแนวคิด Zero Leakage ที่มุ่งเน้นการป้องกันการรั่วไหลของน้ำจากบ่อกักเก็บกากแร่ ดังนี้

  • ออกแบบโครงสร้างและก่อสร้างอย่างพิถีพิถัน: ทุกขั้นตอนการก่อสร้างตั้งแต่การปรับหน้าดิน กำจัดหน้าดิน กำจัดรากไม้ และลอกหน้าดินออกจนถึงหน้าดินแข็ง จากนั้นบดอัดชั้นดินเหนียวและดินลูกรังที่มีความสามารถในการซึมผ่านต่ำให้ทั่วพื้นที่บ่อกักเก็บกากแร่ ปูพื้นกั้นบ่อกักเก็บกากแร่รั่วซึมด้วยแผ่นพลาสติกคุณภาพสูง วางระบบระบายน้ำและการถมดินทับ พร้อมทำคันดินจากดินเหนียวที่เสริมด้วยหิน ทุกขั้นตอนล้วนผ่านกระบวนการคิดและออกแบบอย่างพิถีพิถัน รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพทางวิศวกรรมอย่างเข้มงวด
  • ใช้วัสดุสุดแกร่ง ทนทาน: พื้นบ่อถูกปูด้วยแผ่น HDPE Geomembrane ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดพิเศษที่มีความหนาแน่นสูง เหนียว ทนทาน ทนต่อสารเคมีและป้องกันการรั่วซึมได้อย่างดีเยี่ยมทั้งบนพื้นและผนังของบ่อกักเก็บ เพื่อป้องกันการซึมผ่านของน้ำและสารเคมี ซึ่งเป็นมาตราฐานระดับสากล 
  • ติดตั้งระบบระบายน้ำใต้บ่อและลดแรงดันใต้บ่อ: ระบบระบายน้ำใต้บ่อกักเก็บกากแร่และท่อระบายน้ำบริเวณฐานคันดิน ถูกติดตั้งขึ้นเพื่อช่วยลดแรงดันต่อแผ่นกันรั่วซึม และเพิ่มความหนาแน่นของหางแร่ ที่จะทำให้มีพื้นที่กักเก็บกากแร่ได้มากขึ้น ซึ่งน้ำที่ได้ระบายออกจากระบบระบายน้ำจะถูกพักไว้ที่ก้นบ่อ ก่อนจะถูกส่งต่อไปยังบ่อรวบรวมน้ำใต้ดินและนำกลับมาใช้ใหม่ภายในโรงงาน
  • วางระบบรวบรวมน้ำซึม: ที่ด้านล่างสุดของบ่อกักเก็บกากแร่จะมีบ่อรวบรวมน้ำซึม ซึ่งเป็นบ่อพักน้ำที่ถูกระบายมาจากบ่อกักเก็บกากแร่ ซึ่งจะถูกนำกลับไปใช้ภายในโรงงานผ่านระบบท่อเดียวกันกับระบบระบายน้ำใต้บ่อ
  • ติดตั้งระบบตรวจสอบและเฝ้าระวัง: เพื่อความมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด เราได้ติดตั้งระบบตรวจจับการรั่วซึม หรือการเปลี่ยนแปลงของพารามิเตอร์ทางธรณีวิทยา เช่น พิโซมิเตอร์แบบลวดสั่นสะเทือน (Vibrating Wire Piezometer), หมุดสำรวจ (Survey Pins) หลุมตรวจสอบน้ำบาดาลและสถานีเก็บตัวอย่างน้ำผิวดิน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยที่ครอบคลุมทุกด้านอยู่เสมอ
บ่อกักเก็บกากแร่ แน่นหนา ปลอดภัย ไร้กังวล ด้วยนวัตกรรมที่ได้มาตรฐานระดับสากล

ซึ่งรอบ ๆ บ่อกักเก็บกากแร่ เราจะเห็นพืชพรรณขึ้นเขียวขจี มีทั้งหญ้าและต้นไม้ แถมยังมีฝูงเป็ด ฝูงนก มาอาศัยอยู่ด้วย สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ คือเครื่องยืนยันถึงความปลอดภัยต่อระบบนิเวศและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของบ่อกักเก็บกากแร่แห่งนี้ได้อย่างชัดเจนเลย

ทุกความปลอดภัยดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ

อัคราใส่ใจทุกกระบวนการ มั่นใจทุกการดูแลในทุกบ่อกักเก็บกากแร่

นอกจากนี้ ในการออกแบบและควบคุมการก่อสร้างบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 2 อัคราได้ร่วมมือกับ Knight Piésold ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมชั้นนำระดับโลก อีกทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและวิศวกรรมระบบจัดการกากแร่มาควบคุมดูแลทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างล้วนผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี โดยโครงสร้างกรอบหินด้านนอกบ่อจะเป็นการจัดสรรวัสดุที่ไม่มีสินแร่ซึ่งได้มาจากการทำเหมือง ถูกนำมาใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างกรอบนอก ส่วนโครงสร้างดินเหนียวกรอบด้านในบ่อได้คัดสรรวัสดุที่ผ่านการตรวจสอบว่าเหมาะสมเพื่อป้องกันการรั่วซึม จากนั้นนำวัสดุดินเหนียวที่ผ่านการคัดสรรมาถมให้ได้ความหนาชั้นละ 30 เซนติเมตร และทำการตรวจสอบมาตรฐานความชื้นและความหนาแน่น ก่อนทำการถมขึ้นชั้นถัดไป จนได้ความสูงตามที่ออกแบบไว้ในแต่ละปี

การตรวจสอบมาตรฐานโครงสร้างดินเหนียวทุกชั้นจะต้องผ่านการทดสอบทางวิศวกรรมอย่างเข้มงวด เช่น การวิเคราะห์ขนาดอนุภาค (Sieve Analysis) การทดสอบการบดอัด (Standard Compaction) การทดสอบค่าพิกัดความเหลวของดินและค่าความชื้นในดินขณะที่ดินเปลี่ยนสภาพจากพลาสติกเป็นกึ่งของแข็ง (Atterberg) การทดสอบความหนาแน่นในสนาม (Field density test ) และหลังจากทำโครงสร้างดินเหนียวแล้วเสร็จ อีกขั้นตอนที่สำคัญคือ การปูผนังบ่อภายในด้วย HDPE Geomembrane ซึ่งเป็นแผ่นพลาสติกคุณภาพสูงในการป้องกันการรั่วซึมอีก 1 ชั้น เพื่อให้มั่นใจว่าบ่อกักเก็บกากแร่มีความมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยสูงสุด

ยิ่งไปกว่านั้น อัคราฯ ยังได้รับการตรวจสอบและกำกับดูแลจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และหน่วยงานอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญอิสระจาก Behre Dolbear International Limited (BDIL) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านเหมืองแร่ระดับโลก (ตามที่ กพร. เป็นผู้คัดเลือก) เพื่อประเมินการดำเนินงานทั้งหมดของเหมืองอีกด้วย

อัคราใส่ใจทุกกระบวนการ มั่นใจทุกการดูแลในทุกบ่อกักเก็บกากแร่

แม้ที่ผ่านมาจะมีข้อพิพาทเกี่ยวกับบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 แต่บริษัทฯ ขอยืนยันว่าบ่อกักเก็บกากแร่ทั้ง 2 บ่อของอัคราฯ รวมถึงบ่อที่ 1 นั้น ไม่มีการรั่วซึม อีกทั้งได้ดำเนินการทุกขั้นตอนตามมาตรฐาน พร้อมทั้งจัดทำแผนการปิดและฟื้นฟูบ่ออย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบและกำกับดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดและมาตรการป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA, EHIA) เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุดของชุมชนเป็นสำคัญ

อัครา รีซอร์สเซส เราใส่ใจทุกกระบวนการ มุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และรับผิดชอบต่อสังคม ควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพราะเราเชื่อว่าการทำเหมืองแร่สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนและส่งเสริมความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมได้

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ ‘บ่อกักเก็บกากแร่’ ของเหมืองทองอัครา ที่ Master K นำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าทุกคนคงได้เห็นแล้วว่าบ่อกักเก็บกากแร่ไม่ได้น่ากังวลอย่างที่คิด แต่เป็นระบบที่ถูกออกแบบและสร้างมาอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ภายใต้การควบคุมดูแลของผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัย ได้มาตรฐานและไม่มีการรั่วซึม

รู้จัก 5 หินแร่ใกล้ตัว ที่คุณอาจไม่รู้ว่ามีประโยชน์มากมาย!

รอบตัวเราเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น หนึ่งในนั้นคือ ‘หินและแร่’ วัตถุดิบธรรมชาติที่อยู่คู่กับโลกเรามาเนิ่นนาน แต่รู้หรือไม่ว่า… หินและแร่ใกล้ตัวที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้มีความสำคัญและมีประโยชน์มากกว่าที่คิด! ที่เหมืองแร่ทองคำชาตรี เราจึงอยากชวนทุกท่านไปทำความรู้จักกับโลกของหินและแร่ใกล้ตัวรอบเหมืองทอง ว่ามีหินอะไรบ้าง หินแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง หรือแม้กระทั่งหินแร่ทองคำ อยู่ในหินอะไร มาตามหาคำตอบกันได้ที่นี่

เรื่องราวของหินและแร่คืออะไร เกิดมาจากอะไรกันนะ ?หินและแร่นั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญของเปลือกโลก เป็นแหล่งกำเนิดของทรัพยากรธรรมชาติและเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอีกด้วย โดยหินและแร่นั้นแตกต่างกัน ดังนี้

  • แร่ เกิดจากกระบวนทางธรณีวิทยา ที่เกี่ยวข้องกับการรวมตัวของธาตุต่าง ๆ ในเปลือกโลก เช่น การตกผลึกของแมกมา การตกตะกอนในน้ำ หรือการเปลี่ยนแปลงของแร่เดิมจากแรงดันและอุณหภูมิสูง
  • หิน เกิดจากการรวมตัวกันของแร่ตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้นไป ผ่านกระบวนการทางธรณีวิทยาอันยาวนาน ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลักได้แก่ หินอัคนี (Igneous rocks) ที่เกิดจากการเย็นตัวของแมกมาใต้ผิวโลก หรือลาวาที่ถูกพ่นออกมา, หินตะกอน (Sedimentary rocks) ที่เกิดจากการสะสมและทับถมร่วมกันของตะกอนหินแร่ต่าง ๆ และหินแปร (Metamorphic rocks) ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายใต้ความร้อนและแรงดันมหาศาลทำให้หินและแร่ปรับตัวและตกผลึกกลายเป็นหินใหม่ ๆ 

นอกจากนี้ กระบวนการเกิดหินและแร่เหล่านี้สามารถเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนเวียนตามกาลเวลาจนกลายเป็นวัฏจักรของหิน (Rock Cycle) และทำให้เกิดเป็นหินประเภทอื่น ๆ ได้ตามเวลาและตามสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น ดังนั้นหินและแร่เหล่านี้จึงมีความสำคัญทางธรณีวิทยาที่ช่วยให้เราสามารถเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวโลกและแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในช่วงเวลาต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อมนุษย์นั่นเอง

พาตะลุยรอบเหมือง ! กับ 5 หินและแร่ที่สามารถพบเจอได้ใกล้เหมือง… จะมีหินแร่ชนิดไหนบ้าง ?

1. แคลไซต์ (Calcite)

แร่แคลไซต์ แร่แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO₃)

ลักษณะ: แร่แคลไซต์เป็นแร่แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO₃) ที่พบได้ในหินปูน หินชอล์ก หรือหินแปรชนิดต่าง ๆ มีลักษณะเป็นผลึกใสหรือขุ่น สีขาวหรือเหลืองอ่อน โดยมักจะมีลักษณะเป็นแผ่นบางหรือผลึกสามเหลี่ยม ซึ่งหากนำกรดเกลือมาหยดลงหินแร่แคลไซต์ หินจะทำปฏิกิริยาเกิดเป็นฟองฟู่ขึ้นมา นอกจากนี้ แร่แคลไซต์สามารถเกิดเป็นสายแร่แคลไซต์ (Calcite vein) ตัดแทรกเข้าไปในหินชนิดต่าง ๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น หินแร่แคลไซต์ที่เหมืองทองคำชาตรี เกิดร่วมกับสายแร่ควอตซ์อุ้มสินแร่ทองคำที่ตัดแทรกเข้ามาในหินภูเขาไฟ 

ประโยชน์ของแร่แคลไซต์:

  • นำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตปูนซีเมนต์ เป็นส่วนประกอบหลักในหินปูนที่ใช้ในการสร้างอาคารและถนน
  • ใช้ในอุตสาหกรรมเคมี เพื่อผลิตแคลเซียมออกไซด์ (CaO) หรือที่ทั่วไปเรียกกันว่าปูนขาว
  • ใช้ในงานตกแต่ง เช่น เป็นหินอ่อนในการทำพื้นหรือแผ่นปูพื้น
  • ใช้ในการทำอุปกรณ์เกี่ยวกับกล้องจุลทรรศน์แบบ Polarizing microscope
  • เป็นแร่ที่สำคัญในการผลิตแสงเลเซอร์

2. แมกนีไทต์ (Magnetite)

แมกนีไทต์ (Magnetite)

ลักษณะ: แมกนีไทต์เป็นแร่เหล็กออกไซด์ (Fe₃O₄) ที่พบทั่วไปในหินอัคนีที่เกิดจากการตกผลึก มีลักษณะเป็นสีดำหรือสีเทาเข้ม มีคุณสมบัติทางแม่เหล็กที่สามารถดูดหรือถูกดูดโดยแม่เหล็กได้ จึงสามารถตรวจสอบหินแร่ชนิดนี้ได้ด้วยการนำแม่เหล็กมาทดสอบนั่นเอง ซึ่งหินแร่แมกนีไทต์นี้เป็นอีกหนึ่งสินแร่ที่สําคัญในวงการอุตสากรรมที่เกี่ยวข้องกับเหล็กและแม่เหล็ก

ประโยชน์ของแมกนีไทต์:

  • ใช้ในการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการถลุงเหล็ก
  • ใช้ในอุตสาหกรรมแม่เหล็กในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า
  • ใช้ในการทำแม่เหล็กและใช้ในงานวิจัยทางธรณีวิทยา

3. แร่ไพไรต์และสินแร่ทองคำ (Pyrite และ Gold Ore)

ความเหมือนที่แตกต่าง จนยากจะแยกออก… แร่ไพโรต์และสินแร่ทองคำเป็นหินแร่ที่เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย ด้วยลักษณะภายนอกที่คล้ายคลึงกันมากจนยากจะแยก จึงทำให้คนมักสับสนกันได้เสมอ โดยแร่ทั้ง 2 มีความแตกต่างกัน ดังนี้

แร่ไพไรต์ (Pyrite)

แร่ไพไรต์ (Pyrite)

ลักษณะ เป็นแร่ซัลไฟด์ที่ประกอบด้วยเหล็กซัลไฟด์ (FeS₂) มักพบอยู่ในลักษณะผลึกเป็นรูปลูกบาศก์ มีสีทองหรือเหลืองทองซึ่งมีความคล้ายคลึงกับทองคำมาก แต่เมื่อนำมาทดสอบด้วยการขูดกับดินเผาหรือกระเบื้อง จะให้ริ้วออกมาเป็นสีเขียวเข้ม หรือสีดำที่ดูเหมือนไม่มีคุณค่าเทียบเท่ากับทองคำ จึงมักถูกเรียกว่า ‘ทองคนโง่’ แต่ทั้งนี้แร่ไพไรต์นับเป็นสินแร่กำมะถันที่สำคัญโดยเป็นสารตั้งต้นของกรดกำมะถันนั่นเอง

ประโยชน์หินแร่ไพไรต์: 

  • ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ผลิตกรดซัลฟูริกและเป็นแหล่งของกำมะถัน
  • ใช้เป็นกรดตั้งต้นซึ่งใช้ในการทำสีย้อมและการทำหมึก
  • ทำยารักษาเนื้อไม้และยาฆ่าเชื้อโรค
  • ใช้เป็นส่วนประกอบของโซล่าเซลล์
  • ในบางประเทศที่หาแหล่งเหล็กออกไซด์ไม่ได้ แร่ไพไรต์จะถูกใช้เป็นแหล่งสินแร่เหล็ก 

สินแร่ทองคำ (Gold Ore)

สินแร่ทองคำ

ลักษณะสินแร่ทองคำ: หากถามว่าแร่ทองคําอยู่ในหินอะไร ต้องบอกว่าสามารถพบได้ในหินเกือบทุกชนิด โดยสินแร่ทองคำเป็นแร่ที่มีสีเหลืองวาวแบบโลหะ ลักษณะเป็นเกล็ดหรือก้อนกลม ซึ่งหากนำไปขูดกับกระเบื้องหรือดินเผาจะทิ้งริ้วสีเหลืองและมีลักษณะยืดเหนียว สำหรับการสกัดสินแร่ทองคำจะต้องใช้ความชำนาญผ่านกระบวนการทางเคมีและกายภาพเพื่อแยกทองคำออกมา ดังเช่น สินแร่ทองคำที่เกิดในแหล่งแร่ทองคำชาตรี คือ สายแร่ควอตซ์แคลไซต์ซัลไฟด์ที่อุ้มสินแร่ทองคำขนาดเล็ก (ไมครอน) ซึ่งตัดแทรกเข้ามาในหินตะกอนภูเขาไฟชนิดแอนดีไซต์ (Andesite) 

ประโยชน์สินแร่ทองคำ:

  • นำไปใช้ในการทำเครื่องประดับ ทำเหรียญและทองแท่งเพื่อเก็บรักษามูลค่าหรือลงทุนเป็นหลัก
  • ประกันในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 
  • ใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในวงการทันตแพทย์ เครื่องมือวิทยาศาสตร์ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ในอากาศยาน

4. ไม้กลายเป็นหิน (Petrified Wood)

ลักษณะไม้กลายเป็นหิน: เป็นหินที่มีลักษณะภายนอกเห็นเป็นเส้นริ้วๆ คล้ายลายไม้ ภายในมีสีหลากหลายสี โดยเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของแร่ธาตุภายใต้กระบวนการย่อยสลายของไม้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักเป็นแร่ธาตุซิลิกา (SiO₂) ที่เข้าไปแทนที่โครงสร้างของเซลล์ไม้อย่างช้า ๆ หลายร้อยปีจนเปลี่ยนโครงสร้างไม้ให้กลายเป็นหินได้ในที่สุด อีกทั้งสีสันที่หลากหลายในเนื้อไม้มาจากการมีแร่ธาตุผสมอยู่ เช่น สีเขียวหรือฟ้า ได้จากทองแดงหรือโครเมียม สีดำได้จากคาร์บอนหรือแมงกานีสออกไซด์ สีแดง เหลือง น้ำตาลได้จากเหล็กออกไซด์ เป็นต้น

ประโยชน์ไม้กลายเป็นหิน:

  • ใช้สำหรับตกแต่ง เช่น การทำเครื่องประดับหรือโมเดล
  • เป็นวัตถุดิบในงานวิจัยทางธรณีวิทยา เนื่องจากช่วยให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์ของโลก
  • ใช้ในงานวิจัยเกี่ยวกับพืชโบราณหรือฟอสซิล

5. แร่ควอตซ์ (Quartz)

ลักษณะแร่ควอตซ์

ลักษณะแร่ควอตซ์: ควอตซ์หรือชื่อภาษาไทยว่า หินเขี้ยวหนุมาน เป็นแร่ที่ประกอบด้วยซิลิกอนไดออกไซด์ (SiO₂) มีลักษณะเป็นแท่งยาวปลายแหลมทั้งหัวและท้าย แวววาวคล้ายแก้วแต่มีสีหลากหลาย ตั้งแต่สีใส สีขาวไปจนถึงสีม่วง สีชมพูหรือสีเหลืองได้ โดยเป็นหินแร่ที่เกิดจากการรวมตัวของแร่ที่ได้จากการผุพังของหินอัคนี ซึ่งแร่ควอตซ์นี้เป็นแร่ประกอบหินหลักในหินแทบทุกชนิด เช่น หินแกรนิต หินทราย และหินควอตซ์ไซต์ เป็นต้น

ประโยชน์แร่ควอตซ์:

  • ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การผลิตชิปคอมพิวเตอร์และเซลล์แสงอาทิตย์
  • ใช้ในการทำเครื่องประดับ เช่น พลอยควอตซ์, อเมทิสต์, และโรสควอตซ์
  • ใช้ในอุตสาหกรรมแก้วและวัสดุก่อสร้าง เช่น หินควอตซ์และกระเบื้อง
  • ใช้ทำเครื่องมือวิทยาศาสตร์และเครื่องมือทางแสง เช่น เลนส์ ปริซึมและกล้องจุลทรรศน์ชนิดพิเศษ

Master K EP.2 หินและแร่ หินธรรมดา… ที่ไม่ธรรมดา

Master K EP.2 (with ENG sub)

เห็นไหมว่า 5 หินแร่ที่เรากล่าวถึงข้างต้นล้วนมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และมีการใช้ประโยชน์ในหลากหลายแง่มุม ทั้งในด้านการก่อสร้าง การผลิตพลังงาน การทำเครื่องมือวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงการทำเครื่องประดับได้อีกด้วย เรียกได้ว่าโลกของหินและแร่ยังมีเรื่องราวและความมหัศจรรย์อีกมากมายที่รอให้เราค้นหาและเรียนรู้ มาเปิดใจและสัมผัสความงามของธรรมชาติรอบตัว แล้วคุณจะพบว่าหินและแร่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ก้อนหินธรรมดา แต่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ซ่อนคุณค่าและความลับเอาไว้มากมาย !

แหล่งอ้างอิง:
https://www.dmr.go.th/calcite
https://www.dmr.go.th/magnetite

บ่อน้ำสีฟ้า ไขข้อสงสัย ทำไมบ่อน้ำในเหมืองถึงมีสีฟ้า?

เคยสงสัยกันไหมครับว่า ทำไมน้ำในบ่อเหมืองถึงมีสีฟ้า มาร่วมหาคำตอบใน Master K EP.3 กันเลย 💙💛

EP.4 : รู้หรือไม่ว่า❓ ดินแต่ละพื้นที่นั้นมีค่าความอุดมสมบูรณ์ที่ต่างกัน

รู้หรือไม่ว่า❓ ดินแต่ละพื้นที่นั้นมีค่าความอุดมสมบูรณ์ที่ต่างกัน…ว่าแต่ค่าความอุดมสมบูรณ์ของดินวัดจากอะไร แล้ววัดยังไงกัน🌱 วันนี้ Master K จะมาแนะนำเราถึงวิธีตรวจเช็คความอุดมสมบูรณ์ของดิน🌿 เพื่อนำไปปรับใช้ในการเพาะปลูกของดินได้อย่างเหมาะสมต่อไป