อัครา สร้างโอกาสธุรกิจใหม่จาก ‘หางแร่” เหลือใช้ ผ่านความร่วมมือ จุฬาฯ ผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ 14 กรกฎาคม 2568 – บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำและเงินแห่งเดียวของประเทศไทย ประกาศความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อร่วมบูรณาการองค์ความรู้จากงานวิจัยในการศึกษาความเป็นไปได้ของการใช้ประโยชน์จาก ‘หางแร่ (Tailings)” ที่เกิดจากการกระบวนการผลิตแร่ทองคำและเงินให้กลายเป็นแร่เศรษฐกิจ (Economic Minerals) แห่งอนาคตที่สามารถนำมาผลิตวัสดุก่อสร้างคุณภาพสูง พร้อมเตรียมแผนกรุยทางสร้างโอกาสธุรกิจของวิสาหกิจในชุมชนนำร่อง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สู่การเป็นต้นแบบของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่มีการบริหารจัดการของเสียให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืน

นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจและแรงกดดันทางสิ่งแวดล้อม อัครา ในฐานะผู้ดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำมาตลอดระยะเวลา 24 ปี ตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และความจำเป็นในการจัดการ ‘หางแร่’ เหลือใช้จากการประกอบโลหกรรมใน ‘เหมืองแร่ทองคำชาตรี’ ซึ่งเป็นเหมืองแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ให้สามารถนำหางแร่กลับมาใช้ใหม่ (Reuse) ได้อย่างเต็มศักยภาพ จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาแนวทางการใช้หางแร่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตอิฐบล็อก ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีความแข็งแรงเหนือกว่าอิฐบล็อกทั่วไป โดยวางแผนถ่ายทอดความรู้การผลิตและการจัดจำหน่ายในพื้นที่นำร่องจังหวัดพิจิตรและจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อกระจายรายได้และสร้างอาชีพให้กับชุมชนรอบเหมือง อัคราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘หางแร่’ จะกลายเป็นหนึ่งในวัสดุที่เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สร้างแรงกระเพื่อมต่ออุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชน สังคม และขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนในอนาคตอย่างยั่งยืน”

อาจารย์ ดร.พีท หอมชื่น อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมเหมืองแร่กับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหางแร่ซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งจากกระบวนการแต่งแร่ โดยการนำมาพัฒนาเป็นอิฐบล็อกคุณภาพสูงที่มีความแข็งแรงและทนทานกว่าอิฐทั่วไป นอกจากจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรจากธรรมชาติแล้ว ยังช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในกระบวนการก่อสร้าง สร้างศักยภาพของชุมชนและรายได้ให้กับชุมชนรอบเหมือง ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Net Zero และ SDGs ด้าน Sustainable Cities & Communities และ Responsible Consumption & Production  ความร่วมมือระหว่างอัคราฯ และจุฬาฯ ในครั้งนี้จะเป็นต้นแบบสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการเหมืองแร่และงานวิจัยไทยในการตอบโจทย์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม”

ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้มีการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยเรื่อง การใช้ประโยชน์จากหางแร่ของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่จะให้การสนับสนุนงบประมาณการวิจัยปีละ 3,000,000 บาท ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อผลักดันการศึกษาเชิงลึกและพัฒนานวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ศุภิชัย ตั้งใจตรง กรรมการผู้อำนวยการ ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ.ดร.จิรวัฒน์ ชีวรุ่งโรจน์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม คณะวิศวกรรมศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นายจำรัส แสงศรีจันทร์ กรรมการบริษัท และนายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ในการลงนามครั้งนี้

การบูรณาการความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนความมุ่งมั่นของ   อัคราในการเดินหน้าดำเนินกิจการเหมืองแร่อย่างมีความรับผิดชอบ พยายามลดปริมาณของเสียโดยมีกระบวนการหมุนเวียนกลับไปใช้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ สร้างความมั่นใจให้กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการบริหารงานที่ปลอดภัยและโปร่งใส พร้อมส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนโดยรอบ ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมเหมืองแร่ให้ก้าวสู่ความยั่งยืน โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

ฟื้นฟูพื้นที่สำรวจแหล่งแร่ พัฒนาพื้นที่เพื่อสิ่งแวดล้อม

เราเคยพาทุกท่านไปชมเบื้องหลังการทำงานของ ‘ทีมนักสำรวจ’ ของอัคราเรามาแล้ว🪨คราวนี้คุณสุรชาติ หมุนสมัย (พี่ต้อม) นักสำรวจรุ่นเก๋าของอัครา👷🏼‍♂️จะพาเราไปดูการปรับพื้นที่ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมหลังจากที่ทำภารกิจการสำรวจเสร็จสิ้น จนกล้าพูดได้ว่า หากไม่บอกก็ดูไม่ออกเลยว่าตรงนี้เคยมีการเจาะสำรวจมาก่อน🔍

โลกนี้กว้างใหญ่…มีเรื่องราวอีกมากมายรอให้เราออกไป ‘สำรวจ’ 🌍